Friday, October 12, 2012

ไม่ปกติ



พระอาจารย์หย่าศึก

         วันหนึ่ง ท่านเซียนหยาออกบิณฑบาต พบสามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกัน

         ภรรยาเอามื้อเท้าสะเอว ด่าสามีเสียงดังลั่นต่อหน้าธารกำนัลว่า " แกเป็นผัวประสาอะไร ไม่ให้ตังค์ค่าแต่งตัวฉันยังไม่ว่า แม้แต่เงินค่าเล่าเรียนลูก ก็ยังไม่ให้อีก แกนี่มันไม่เอาใหนจริงๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีอะไรเหมือนผู้ชายเลย "

          สามีถูกภรรยาด่าต่อหน้าสาธารณชน ก็รู้สึกเสียหน้ามาก ถึงกับถลกแบนเสื้อ แล้วชี้หน้าด่ากลับไปว่า " นังแพศยา ด่าอีกสิ พ่อจะตบเสียให้กลิ้ง "


          ภรรยาไม่ลดราวาศอก ด่าตอบว่า " ไม่ต้องท้า ข้าด่าแน่ แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย "

          ท่านเซียนหยาแหวกฝูงชนเข้ามาร้องตะโกนว่า " พี่ป้าน้าอาทั้งหลายมาดูคนกัดกันเร็วเข้า ปกติ ดูชนไก่ ชนวัว กัดจิ้งหรีด ต้องเสียสตางค์ซื้อตั๋ว คนกัดกัน ไม่ต้องซื้อตั๋ว นานทีปีหนถึงจะได้เจอองดีๆ แบบนี้ พวกท่านรีบเร่มาเข้าดูเร็วเข้า "

          สองผัวเมียไม่สนใจคำร้องะโกนของท่านเซียนหยา ยังคงทะเลาะกันต่อไป

          สามีตวาดว่า " แกลองด่าข้าอีกสิว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย เอาสิ... ฆ่าเลย... ฆ่าเลย "

          ท่านเซียนหยาตะโกนว่า " ฉากบู๊นองเลือดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วกำลังจะฆ่ากันแล้ว หาดูที่ไหนไม่ได้เทียวนะทุกท่าน รีบเร่เข้ามาดูเร็วเข้า " 

          ชาวบ้านที่เดินผ่านมา เห็นท่านเซียนหยาส่งเสียงเชียร์แบบนี้ ก็ทนไม่ได้ ตำหนิท่านเซียนหยาว่า " พระสงฆ์ ผัวเมียเขาทะเลาะกัน ท่านไม่ห้าม พวกเราไม่ว่า แต่ยุส่งอีก เป็นพระจริงหรือพระปลอมนะเนี่ย ราดน้ำมันบนกองเพลิงแบบนี้ มีประโยชน์อะไร "

          ท่านเซียนหยาตอบอย่างสะใจว่า " มีสิ ประโยชน์เยอะแยะ พวกเขาบอกจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง พอมีคนตาย พระก็มีงานทำ ได้เงินทำบุญสวดมนต์ศพ อาตมาก็มีเงินใช้ ไม่ได้ดีอย่างไร "

          ชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ิ้นศรัทธา ด่าพระเสียงดังลั่นว่า " เพื่อเงินเล็กๆ น้อยๆ พระอย่างเจ้าถึงกับลุ้นให้คนเขาฆ่ากันตายเชียวหรือ "

         เสียงเอะอะโวยวายของชาวบ้านที่ทุ่มเถียงกับพระสงฆ์ ทำให้สองสามีภรรยาที่กำลังทะเลาะกันต้องหันกลับไปดูพระโดยมิได้นัดหมายพวกเขาเลิกทะเลาะกันชั่วคราว

         ท่านเซียนหยาเห็นว่าเบี่ยงเบนความสนใจของสามีภรรยาไดแล้วจึงพูดยิ้มๆ ว่า " ไม่อยากให้คนฆ่ากันตาย ก็ฟังอาตมาเทศน์สักหน่อย "

         ชาวบ้านมุงกันเข้ามาฟัง ท่านเซียนหยาจึงพูดต่อไปว่า " หิมะจับตัวหนาแค่ใหน แตเมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงเข้าไป หิมะนั้นก็ละลายอาหเย็นชืดแค่ไหน แต่เมื่อใส่ไฟใส่ฟืนอุ่นสักหน่อยก็ร้อนได้ ผัวเมียกันใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่นแก่อกฝ่ายหนึ่ง ต้องทำตัวเป็นฟืนไฟ ทำความคิดของอีกฝ่ายให้สุกงอม คนที่จะครองคู่ผัวเมียกันนั้น มันต้องเคยทำบุญร่วมกันมาก่อน อาตมาหวังว่าพวกเจ้าผัวเมียจะรู้จักเคารพซึ่งกันและกัน รักใคร่ปรองดองกัน "

         สองสามีภรรยาจึงรู้ตัวว่าตัวเองปล่อยให้โมหะจิตเข้าครอบงำจนเสียผู้เสียคนไปแล้ว จึงต่างขอขมาซึ่งกันและกัน แล้วจูงมือกันกลับบ้านอย่างรักใคร่ปรอดอง

แง่คิด

          ใช้วิธีที่ไม่ปกติ ในเวลาที่ไม่ปกติ

          ผัวเมียทะเลาะกันเป็นเรื่องที่พบเห็นบ่อยมาก แตการห้ามปรามมักไม่ค่อยได้ผล แถมบางวครั้งยังทำให้เรื่องยิ่งบานปลายไปกันใหญ่ อาจารย์เซนเห็นผัวเมียคู่หนึ่งะเลาะกัน ท่านไม่เพียงแต่ไม่ห้ามปราม แถมยังราดน้ำมันลงบนกองเพลิงเสียอีก ท่านใช้ปัญญาที่เฉียบคมมาหยุดการทะเลาะวิวาทของสามีภรรยา ได้ผลเฉียบขาดกว่าพวกชาวบ้านที่ระดมทั้งคนทั้งเวลา แห่กันมามุงดูด้วยความห่วงใยและพูดคุยใกล่เกลี่ยจนปากเปียกปากแฉะ

          แน่นอน วิธีการแบบนี้ของท่านอาจารย์ ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ แต่ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติแบบนั้น การเลือกใช้วิธีการที่ไม่ปกติมักจะได้ผลมากกว่าวิธีปกติ

         วิธีการที่ผิดปกติ อาจขัดหูขัดตา ไม่เป็นทีเข้าใจและไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ผู้ใช้จึงอาจถูกด่า ถูกโดดเดี่ยว หรือถึงขั้นถูกประชาทัณห์ได้ เพราะฉะนั้น การใช้วิธีการที่ผิดปกติมาแก้ปัญหา จึงต้องอาศัยภูมิปัญญาอันยิ่งใหญ่ และความกล้าหาญอันยวดยิ่งของผู้ใช้

          ภูมิปัญญามิใช่สิ่งที่หล่นมาจากฟากฟ้า เกิดมาปุ๊บก็ฉลาดปั๊บ แต่เป็นสิ่งที่ค่อยๆ สั่งสมจนยิ่งใหญ่งอกงามขึ้น

          ชาวจีนบอกว่า ปัญญาเกิดเมื่อเจอเหตุคับขัน ดังนั้น คนที่เจอปัญหาบ่อยๆ ต้องแก้ปัญหาด่วนๆ อยู่เสมอ จึงมักจะมีปณิธานไหวพริบเฉียบไว มีปัญญาอันหลากหลาย ผิดจากคนที่ไม่เคยเจอปัญหามาก่อน คนประเภทนี้ ถ้าเจอปัญหาปุบปับ ก็มักจะลนลานทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นคนเงอะงะเบาปัญญาในบัดดล






By สุภาพร  ปิยพสุนทรา ( สว่าง อย่าง เซน )

No comments:

Post a Comment