ในวันที่ร้อนที่สุดของฤดูร้อน ดวงอาทิตย์ร้อนเปรี้ยง ฝนไม่ตกมาหลายเดือนแล้ว หญ้าในวัดเฉาตายเกือบหมด
เณรน้อยร้อนใจมาก บอกอาจารย์ว่า " อาจารย์ รีหว่านเมล็ดพันธ์หญ้าเถิด สนามหญ้าหัวโล้นแบบนี้น่าเกลียดจะตาย "
" ตอนนี้ร้อนเกินไป รอให้ถึงฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นหน่อยค่อยว่ากัน " อาจารย์ส่ายหน้า แล้วพึมพำว่า " สุดแล้วแต่เวลา "
ปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศค่อยๆ เย็นลง อาจารย์ซื้อเมล็ดพันธ์หญ้ามาห่อหนึ่ง บอกให้เณรน้อยไปหว่าน ลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดเมล็ดหญ้าปลิวหายไป
เณรน้อยร้องตะโกนอย่างตกตื่นใจว่า " แย่แล้ว เมล็ดพันธ์ถูกลมพัดไปทางใหนแล้วก็ไม่รู้ "
" ไม่เป็นไร ที่ปลิวไป ส่วนใหญ่เป็นเมล็ดลีบ หว่านลงไปก็ไม่งอก " สุดแล้วแต่สันดาน "
หว่านเมล็ดเสร็จ นกน้อยบินมาจิกกินเมล็ดพันธุ์พืชจนหมดเกลี้ยง
เณรน้อยร้องอย่างตื่นตกใจ " แย่แล้ว เมล็ดพืชถูกนกกินหมดแล้ว "
" ไม่เป็นไร เมล็ดพืชมรเยอะแยะ กินไม่หมดดอก " อาจารย์พูดอย่างไม่แยแสว่า " สุดแล้วแต่ดวง "
กลางดึก ฝนตกลงมาห่าใหญ่ เณรน้อยร้อนใจ วิ่งเข้ามาบอกอาจารย์ว่า " อาจารย์ คราวนี้จบเห่จริงๆ เมล็ดพืชพันธุ์ถูกฝนชะไปหมดแล้ว "
" ชะไปถึงใหน ก็งอกที่นั่น " อาจารย์พูด " แล้วแต่วาสนา "
อาทิตย์กว่าๆ ผ่านไป สนามหญ้าหัวโล้นก็มีหญ้าสีเขียวอ่อนๆ งอกขึ้นมา มุมที่เดิมที่ไม่ได้หว่านเมล็ดเอาไว้ กมีสีเขียวๆ งอกขึ้นมากับเขาเหมือนกัน
เณรน้อยดีใจมาก ตบมือร้องว่า " อาจารย์พูดถูกเผง "
อาจารย์ผงกศรีษะ พูดยิ้มๆ ว่า " สุดแล้วแต่จะดีใจ "
แง่คิด
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
คนบางคน ยามดีใจ อยากไชโยโห่ร้องเสียงดังๆ แต่อยู่ต่อหน้าธารกำนัล ก็ไม่กล้า ต้องเก็บอาการสุดฤทธิ์ คนบางคน ยามเศร้าใจอยากร้องให้เสียงดังๆ แต่อยู่ต่อหน้าธารกำนัล ก็ไม่กล้า ได้แต่ฝืนใจยิ้มแหยๆ แต่เมื่อหวนคิดถึงตอที่เรายังเป็นเด็ก ทุกอย่างกลับเป็นไปตามที่คิดใจปราถนา อยากร้องไห้ก็ร้องไห้ อยากหัวเราะก็หัวเราะ
วันเวลาผันผ่าน วัยเด็กค่อยๆ เลือนหาย เราเริ่มรู้ถึงบรรทัดฐานที่สังคมของพฤติกรรมต่างๆ ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร ทว่าบรรทัดฐานที่สังคมเรียกร้องให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งต้องปฏิบัติตามนั้น มันช่างมากมายเสียเหลือเกิน มากจนกลายเป็นภาระ
การมีอะไรมากเกินไป จะทำให้เราไม่มี สิ่งที่เรายังไม่ได้ครอบรองมักจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ด้วยเหตุนี้เอง มนุษย์จึงเริ่มอิจฉาชีวิตที่มันสบายๆ ชิวๆ แสนอิสระ
แต่คำว่าสบายๆ อิสระ ชิวๆ มันมีคำจำกัดความอย่างไรล่ะ
สบายๆ อิสระ ชิวๆ เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนขัดเกลามาเป็นระยะเวลาอันยาวนานจึงจะเกิดขึ้นได้ เป็นอิสรภาพอย่างหนึ่งที่ได้รับหลังจากยึดกุมกฏเกณฑ์ทางภววิสัยได้แล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ เกิดจากการที่เราฝึกตนจนกลายเป็นคนที่ไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่จุกจิกหยุมหยิม เอาเรื่องเอาราวกับคนทั้วไป ไม่แค้นฝังหุ่น รู้จักคำนึงถึงองค์รวม รู้จักใจกว้างยอมลดราวาศอกให้ผู้อื่นด้วยความถ่อมตัว เสียสละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรู้จักตัดกิเลสตัณหาที่พันแข้งพันขาเราทิ้งไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทำไมเราต้องแบกอะไรต่อมิอะไรไว้เยอะแยะ
โลกนี้ทุกวันนี้มันวุ่นวายเกินไปแล้ว ทำไมเราไม่ทำตัวให้มันง่ายๆ ยอมรับความจริง เตรียมใจไว้พร้อมเสมอว่าอะไรจะเกิดก็ย่อมต้องเกิด เช่นนี้ก็จะใช้ชีวิตอย่างอิสระสบายๆ และสง่าผ่าเผยได้
By สุภาพร ปิยพสุนทรา ( สว่าง อย่าง เซน )
No comments:
Post a Comment