Tuesday, October 30, 2012

สอนเด็กใช้ชีวิต

อยู่อย่างมีความสุข

          วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านอู๋เต๋อทำงานง่วนอยู่ในลานวัด ก็มีญาติโยม 3 คนเดินเข้ามาคาราวะท่าน แล้วถามว่า " อาจารย์ พวกเรามีปัญหาอยากจะขอคำชี้แนะจากท่าน พวกเรานับถือศาสนาพุทธมาหลายปีแล้ว แต่ทำไมจิตใจยังไม่มีความสุขสักที "

           ท่านอู๋เต๋อวางจอบลง กล่าวว่า " อยากมีความสุข มันไม่ยากดอก แต่พวกท่านต้องตอบอาตมาก่อนว่า คนเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร "

           ญาติโยมสามคนนั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

           ครู่ใหญ่ๆ ต่อมา นาย ก.จึงตอบว่า " ที่มีชีวิตอยู่ ก็เพราะไม่อยากตาย "

           นาย ข. ตอบว่า " ที่กระผมทำงานหนักในทุกวันนี้ ก็เพราะหวังไว้ว่า เมื่อแก่ตัวลง จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับหลาน ไม่ต้องห่วงเรื่องกินเรื่องอยู่ สามารถใช้ชีวิตสบายๆ ไปจนตาย "



           นาย ค. ตอบว่า " กระผมไม่ได้หวังอะไรเลย แต่ที่มีชีวิตอยู่ ก็เพื่อเลี้ยงครอบครัวให้มีกินมีใช้ "

           ท่านอู๋เต็อยิ้ม แล้วกล่าวว่า " มิน่าเล่า พวกท่านถึงไม่มีความสุข ก็สิ่งที่พวกท่านคิดถึงนั้นมีแต่คำว่าแก่ คำว่า ตาย คำว่าถูกบังคับให้ทำงานหนัก พวกท่านมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีอุดมการณ์ ขาดศรัทธา ขาดความรับผิดชอบ ชีวิตที่ขาดอุดมการณ์ ขาดความรับผิดชอบ ขาดความเชื่อมั่น มันจะมีความสุขได้อย่างไร "

           นาย ข. แย้งว่า " อุดมการณ์ ศรัทธา ความรับผิดชอบ กินแทนข้าวได้อย่างนั้นหรือ ? "

           นาย ค.เร่งเร้าว่า " ท่านอาจารย์ช่วยบอกพวกเราทีเถิดว่า ทำอย่างไรจึงจะอยู่อย่างมีความสุขได้ "

           ท่านอู๋เต๋อถามว่า " พวกท่านคิดว่าชีวิตต้องมีอะไรบ้างล่ะถึงจะมีความสุข "

           นาย ก. ตอบว่า " ถ้ามีชื่อเสียงก็จะมีทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วความสุขก็จะตามมา "

           นาย ข. พูดว่า " ต้องมีความรัก ถึงจะมีความสุข "

           นาย ค. ตอบว่า " ต้องมีเงินถึงจะมีความสุข "

           ท่านอู๋เต๋อถามว่า " ถ้าเช่นนั้น อาตมาขอถามพวกท่านหน่อยเถิดว่า ทำไมบางคน มีชื่อเสียงแล้วจึงยิ่งทุกข์ คนบางคนมีความรักแล้วกลับเจ็บปวด คนบางคนมีเงินแล้วกลับกังวล "

           ชายทั้งสามตอบไม่ได้

           ท่านอู๋เต๋อพูดต่อไปว่า " อุดมการณ์ ศรัทธา และความรับผิดชอบไม่ใช่สิ่งว่างเปล่า แต่แสดงออกในทุกอณูของชีวิต ต้องเปลี่ยนแปลงคติชีวิต เปลี่ยนแปลงท่าทีเสียก่อน ชีวิตจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ชื่อเสียงที่ทำให้คนเรามีความสุขนั้น ต้องเป็นชื่อเสียงจากการรับใช้คนส่วนใหญ่ ความรักที่ทำให้คนเราสุขใจอย่างแท้จริงนั้นต้องเป็นความรักที่รู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน เงินทองจะมีค่าก็ต่อเมื่อรู้จักบริจาครู้จักช่วยเหลือคนยากคนจน ถ้าพวกท่านดำเนินชีวิตไปตามครรลองเช่นนี้ชีวิตก็จะพบความสุขอย่างแท้จริง "

แง่คิด

           ใครขโมยความสุขเราไป

           คนบางคนประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว อาชีพการงาน สุขภาพ ทุกอย่างล้วนราบรื่นไม่มีปัญหา แต่เขาก็ยังไม่มีความสุข

            ทำไมจึงเป็นเช่นนี้

           ความสุขทิ้งเราไป หรือเราทิ้งความสุขกันแน่ ?

           ใครขโมยความสุขของเราไป ?

           เงินทอง ความรัก ชื่อเสียง ตำแหน่งฐานะ ไม่ได้หมายถึงความสุขเสมอไป เรามีทัศนะผิดๆ มาโดยตลอด เราคิดว่า นับเงินจนมือหงิกแสดงว่ามีความสุขมากที่สุด หากเป็นเช่นนั้นจริง มหาเศรษฐีก็ต้องมีความสุขมากที่สุดสินะ และขอทานก็ต้องทุกข์ที่สุด

           แต่ว่า เราไม่ใช่ปลา จะไปรู้ได้อย่างไรว่าความสุขของปลามันเป็นอย่างไร จริงๆ แล้วขอทานก็มีความสุขตามประสาขอทาน เผลอๆ อาจมีความสุขมากกว่าชนชั้นกลางที่ทำงานงกๆ ยุ่งวุ่นวายทั้งวันเสียอีก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีความคาดหวังที่มากมายก็ได้ วันใหนขอทานได้เงินสัก 2,000 บาท ก็ดีใจ มีความสุข รู้สึกว่ารวยล้นฟ้าแล้ว

           เคยมีคนทำวิจัยไว้ว่า ความสุขกับความรายได้เป็นอัตราส่วนโดยตรงต่อกันใช่หรือไม่ คนที่มีรายได้เดือนละ หนึ่งแสนบาท ย่อมมีความสุขมากกว่าคนที่มีรายได้เดือนละสองหมื่นบาท 5 เท่าตัว เรื่องนี้จริงหรือไม่ ผลของการวิจัยปรากฏว่า คนที่มีรายได้สูงๆ มีชีวิตทางวัตถุอุดมสมบูรณ์นั้น มิได้มีความสุขมากมายอย่างที่คิด คนที่มีรายได้เดือนละ 20,000 - 30,000 บาท เป็นคนที่มีความสุขมากที่สุด เพราะว่าพวกเขามิได้ตั้งความหวังไว้มากมาย ไม่คิดที่จะซื้อรถ ซื้อบ้าน

           ความสุขเป็นอารมณ์อย่างหนึ่ง เกิดจากใจ ความคิดแวบหนึ่งก็ทำให้เราขึ้นสวรรค์หรือตกนรกได้แล้ว

           ดวงตาที่พร่าพรายไปด้วยน้ำตาย่อมมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ที่สดใสถ้าหากว่าเราเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ต่อให้ไม่มีสมบัติบ้านช่องห้องหอชีวิตก็มีความสุขได้ แต่ถ้าเป็นคนมองโลกในแง่ลบ ต่อให้รวยเป็นมหาเศรษฐี จิตใจจะหดหู่เศร้าหมอง ไม่มีทางรู้ดอกว่าความสุขนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร






By สุภาพร  ปิยพสุนทรา ( สว่าง อย่าง เซน )

No comments:

Post a Comment