ท่านเจ้าโจวเป็นพระอาจารย์เซนคนสำคัญในสมัยราชวงศ์ถัง ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก จึงมีผู้คนเดินทางมาคารวะท่านมากมาย
ครั้งหนึ่ง มีพระรูปหนึ่งเดินทางมาเยี่ยมคารวะท่านเจ้าโจว ซึ่งจำวัดอยู่บนเขาไถซัน แต่ไม่รู้ทาง จึงไปถามแม่เฒ่าคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวบ้านในละแวกนั้น
แม่เฒ่าตอบโดยมิได้เงยหน้าขึ้นว่า " เดินตรงไป "
พระรูปนั้นกล่าวขอบคุณ แล้วเดินจากไป แต่กลับได้ยินแม่เฒ่าบ่นพึมพำไล่หลังมาว่า " เป็นพระดีๆ แท้ๆ ไปมันแบบนี้อีกแล้ว "
พระรูปนั้นรู้สึกสะดุดใจกับคำกล่าวแปลกๆ ของหญิงชรานั้นอย่างยิ่งคิไม่ออกว่าควรจะตอบหญิงชราอย่างไรดี เขาครุ่นคิดอยู่นานมากแต่ก็คิดไม่ออก จนกระทั่งมาถึงเขาไถซัน ได้พบท่านเจ้าโจว สนทนากันครู่ใหญ่ พระรูปนั้นจึงเล่าปัญหาคาใจให้ท่านเจ้าโจวฟัง
" ท่านเจ้าโจวกล่าวว่า " อืม... น่าสนใจ ข้าควรไปคารวะท่านแม่เฒ่าผู้ันั้นสักที ไปทดสอบว่าแม้เฒ่าบรรลุธรรมขั้นไหนแล้ว "
วันรุ่งขึ้น ท่านเจ้าโจวมาถึงเชิงเขาไถซัน เห็นแม่เฒ่าคนหนึ่งนั่งอยู่ริมทาง จึงถามว่า " แม่เฒ่า เขาไถซัน ไปทางไหนมิทราบ "
แม่เฒ่าตอบว่า " เดินตรงไป "
ท่านเจ้าโจวกลับมาถึงวัด ก็บอกกับเหล่าพระสงฆ์ว่า " แม่เฒ่าคนนี้ ถกจับไต๋ได้แล้ว นางพูดเป็นประโยคเดียว เป็นประโยคเก่าซ้ำๆ ซากๆ ไม่รู้จักพลิกแพลง แสดงว่าไม่เข้าใจธรรมอะไรเลย เป็นพวกนอกวงการแท้ๆ แต่เก็กท่าให้ดูน่าเกรงขาม หลอกคนจรไปอย่างนั้นเอง "
แง่คิด
ธรรมะของแท้มีชีวิต ยืดหยุ่นพลิกแพลง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
คำว่า " เดินตรงไป " ที่แม่เฒ่าพูดออกมานั้น ฟังผิวเผินก็เหมือนกับบอกทางขึ้นเขาว่าให้เดินตรงไป แต่สำหรับปรัชญาเซนแล้ว คำคำนี้อาจแฝงความหมายว่า " ใจตรงคือมรรค " ก็ได้ ดังนั้น ในฐานะพระเซนที่ศึกษาปรัชญาแนวเซนมามาก พอได้ยินคำพูดที่ฟังดูคล้ายๆ ปริศนาธรรมของแม่เฒ่าเข้า ย่อมเอะใจและนึกเกรงขามเป็นธรรมดา
แล้วท่านเจ้าโจวจับไต๋อะไรในตัวแม่เฒ่าได้
ที่แท้ ธรรมะของเซนเป็นธรรมะที่มีชีวิต มีจิตวิญญาณ จึงมีความยืดหยุ่นพลิกแพลง เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย แล้วแต่โอกาส เวลา สถานที่ ตัวบุคคล แต่แม่เฒ่าที่พูดจาคล้ายผู้บรรุธรรมนั้นกลับพูดจาซ้ำๆ ซากๆ พูดอย่างกลไกแค่ประโยคเดียว ไม่รู้จักแสดงธรรมตามกาล แสดงถึงระดับความรับรู้เข้าใจตื้นเขิน ท่านเจ้าโจวปรมาจารย์แห่งเซนเสวนาด้วยไม่กี่คำ ก็จับได้ทันทีว่าเป็นธรรมะปลอม
ชีวิตเป็นสิ่งเคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง ก้าวไปข้างหน้าเสมอ แม้ว่าบางครั้ง เราอาจต้องถอย แต่เป็นการถอยเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าบางครั้งเราอาจเจอทางตัน เนืองจากเหตุปัจจัยภายนอกมัพลังยิ่งใหญ่เกินกว่าพลังจิ๊บจ้อยของเราจะต้านทานได้ เราเปลี่ยนแปลงโลกภายนอกไม่ได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ นี่คือความยืดหยุ่นพลิกแพลง หากไม่รู้จักยืดหยุ่นพลิกแพลง ไม่รู้จกเปลี่ยนแปลง ไม่รู้จักปรับตัว เราก็จะถูกโลกลบทิ้ง
By สุภาพร ปิยพสุนทรา ( สว่าง อย่าง เซน )
No comments:
Post a Comment