อยู่สูงกว่าพื้นดิน 6 นิ้ว
ศิษย์เซนคนหนึ่ง เข้ามาในวัด เห็นคำคมคารมเซนเขียนไว้ว่า
" ก่อนหน้าที่จะศึกษาเซน ภูเขาเป็นภูเขา แม่น้ำเป็นแม่น้ำ แต่เมื่อศึกษาเซน ภูเขาไม่ใช่ภูเขา แม่น้ำไม่ใช่แม่น้ำ ทว่า หลังจากบรรลุเซนแล้ว ภูเขากลับคืนสู่ความเป็นขุนเขา แม่น้ำก็กลับคืนสู่ความเป็นสายน้ำ "
ศิษย์เซนงุนงง ถามอาจารย์ว่า " คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรขอรับ "
อาจารย์เซนอธิบายว่า " คำพูดนี้ก็แค่อธิบายว่า รูปลักษณ์ในตอนเริ่มต้นกับตอนสุดท้ายนั้นคล้ายคลึงกัน แต่ระหว่างกลางกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทีแรก ภูเขาเป็นภูเขา แม่น้ำเป็นแม่น้ำ ตอนสุดท้ายภูเขาเป็นภูเขา แม่น้ำก็เป็นแม่น้ำ แต่กว่าจะเป็นเช่นนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ช่วงศึกษาเซน ภูเขากลับไม่ใช่ภูเขา แม่น้ำกลับไม่ใช่แม่น้ำ เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่มันเป็นเพราะอะไร ? "
ศิษย์ส่ายหน้า
อาจารย์เซนพูดต่อไปว่า " ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความคิดของเรานั่นเอง ทุกอย่างถูกความคิดของเราปรุงแต่งจนสับสนวุ่นวายไปหมด ผสมปนเปจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ประหนึ่งเมฆดำที่ปกคลุมอยู่เต็มท้องฟ้า บดบังโฉมหน้าเดิมของสรรพสิ่งจนจำไม่ได้ แต่เมฆดำกลุ่มนั้น ความสับสนวุ่นวายแบบนั้น ความผสมปนเปอย่างนั้น มันดำรงอยู่แค่ช่วงเปลี่ยนผ่านเท่านั้น ในขณะหลับสนิท ทุกสิ่งก็จะกลับคืนสู่รูปเดิม เมื่อมีสมาธิ ทุกสิ่งจะกลับคืนสู่สภาพเดิมแท้ ช่วงกลางระหว่างสองสถานะนี้ก็คือตัวปัญหา ความคิด โลก ความรับรู้เข้าใจของเรา เป็นตัวแปรที่ทำให้สรรพสิ่งสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น มันเป็นรากเหง้าของความโชคร้ายของนรกเลยทีเดียว "
หลังจากอาจารย์เซนอธิายเสียยืดยาว ศิษย์เซนก็คิดว่าตัวเองเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว จึงทอดถอนใจว่า " ฮึ... ถ้าอย่างนั้น ปุถุชนสามัญกับผู้บรรลุธรรม ก็ไม่แตกต่างกันน่ะสิ "
อาจารย์เซนกล่าวว่า " ถูกแล้ว จริงๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน เพียงแต่ผู้บรรลุธรรมนั้นอยู่สูงกว่าพื้นดิน 6 นิ้ว "
แง่คิด
ผู้มีปัญญายิ่งใหญ่นั้น มองไปคล้ายคนโง่
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า " ผู้มีปัญญายิ่งใหญ่นั้น มองไปคล้ายคนโง่ "
คนโง่คนหนึ่ง ถามอะไร แกก็เฉย ผู้ทรงภูมิปัญญาคนหนึ่งถามอะไรแกก็เฉยเหมือนกัน มองเผินๆ สองคนนี้ไม่มีอะไรแตกต่างกันแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ คนโง่นั้นเฉยโง่ เฉยเพราะขาดปัญญา เฉยเพราะไม่รู้จริงๆ ในขณะที่ผู้มีปัญญานั้นเฉยเพาะรู้แจ้งแทงตลอด เมื่อรู้ทะลุปรุโปร่งจึงไม่ตื่นเต้น ไม่เครียด วางเฉย มีอุเบกขาได้
มองผิวเผิน อาจารย์เซนกับศิษย์เซนเป็นสองคนที่ไม่แตกต่าง ต่างมีหนึ่งหัวสองมือเหมือนๆ กัน แต่ในทางความคิด ภูมิธรรม สติปัญญา ทั้งสองลึกล้ำแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
แต่นี่ก็เป็นเพียงการนำเอาคนสองคนมาเปรียบเทียบกันในสภาวะปกติเท่านั้น หากเอาคนสองคนนี้ไปเปรียบเทียบกันในอีกสภาวะหนึ่งอย่างเช่น สองคนนี้ไปเจอสึนามิหรือพลังที่ยิ่งใหญ่มากๆ เข้า พวกเขาก็จะกลายเป็นคนตัวเล็กๆ กระจ้อยร่อย อ่อนแอสุดขีดเหมือนๆ กัน
จอมยุทธผู้มีวรยุทธสูงส่งในนิยายกำลังภายใน สามารถซัดฝ่ามือทำให้คนกระอักเลือดได้ เหาะเหินเดินอากาศก็ได้ ดูเก่งกล้าสามารถยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ถ้าท่านจอมยุทธ์ตีลังกาเข้าไปอยู่ในสงครามระเบิดปรมาณู หรือเจอแผ่นดินไหว 10 ริกเตอร์ เชื่อว่าสภาพของท่านจอมยุทธ์กับคนธรรมดาสามัญ ก็คงไม่ต่างกันมาก
ผู้บรรลุธรรมอย่างแท้จริง จักเข้าใจหลักเหตุผลอันยิ่งใหญ่ มองเห็นสัจธรรม มองเห็นความเป็นจริง จึงเฉลียวฉลาด รอบรู้ คมคาย เป็นปราชญ์ที่แท้ และเนื่องจากมองเห็นความจริงที่แท้นี่เอง ผู้มีสติปัญญาอันยิ่งใหญ่จึงถ่อมเนื้อถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่งทะนงตน เพราะรู้ดีว่าตัวเองกระจ้อยร่อยเหลือเกินในจักรวาลอันยิ่งใหญ่
By สุภาพร ปิยพสุนทรา ( สว่าง อย่าง เซน )
No comments:
Post a Comment