Friday, November 02, 2012

ต้องช่วยกัน

อุทยานที่รกร้าง

           ภายในอุทยานร้าง มีแต่วัชพืชและพงหนามขึ้นเต็มไปหมด นอกจากเสียงจิ้งหรีดที่กรีดร้องโหยหวนอยู่กลางพุ่มไม้แล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นอีกเลย

           แต่ก่อน น้ำในสระแสนสวยจะไหลจ๋อมแจ๋มผ่านสะพานหินแห่งนี้ บัดนี้เนื่องจากขาดผู้ดูแล สระน้ำจึงค่อยๆ แห้งเหือดไป แห้งจนเห็นดินโคลนก้นสระ

           แต่ก่อน ต้นไม้ใบหญ้าแสนสวยเหล่านี้เคยออกดอกบานสะพรั่ง บัดนี้เนื่องจากขาดคนรดน้ำ มันจึงแห้งเหี่ยวตายไป

           แม้แต่นกกางเขนที่มักจะบินมาร้องเพลงในสวนแห่งนี้ บัดนี้ก็ไม่มาอีกแล้ว เนื่องจากกุหลาบเพื่อนรักของมันได้ตายจากไป

           อยู่มาวันหนึ่ง จู่ๆ ก็มีคนหลายคนมาที่สวนแห่งนี้ พวกเขาเห็นสวนแสนสวยทรุดโทรมจนดูไม่ได้ ก็พากันเศร้าใจจนน้ำตาร่วง พวกเขานั่งเก้าขาเกในกระต๊อบผุๆ กลางสวน พูดถึงอดีคที่สวนแห่งนี้ยังมีสภาพที่งดงามมาก ใบหน้าของพวกเขาต่างแสดงความเสียดายและอาลัยอาวรณ์อย่างเห็นได้ชัด



           ชายคนหนึ่งถอนหายใจแล้วพูดว่า " เราจะปล่อยให้สวนรกอย่างนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ "

           คนอื่นๆ ลุกขึ้นยืนค้ลายตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วพูดว่า " ไม่ เราจะไม่ยอมให้สถานที่แสนสวยแห่งนี้รกร้าง เรจะร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะสวนแห่งนี้ให้ดี "

           ดังนั้น พวกเขาจึงวิ่งไปที่สระน้ำ แล้วนั่งบนก้อนหินก้อนหนึ่งของน้ำตกจำลอง ประชุมรายละเอียดกันว่าจะฟื้นฟูบูรณะสวนแห่งนี้อย่างไรดี

           เจ้ากบดีใจมาก กระโดดออกมาจากหลืบหิน เพื่อฟังคนกลุ่มนี้สนทนากัน

           จิ้งหรีดที่กรีดร้องระงมทั้งคืนก็หยุดร้องคร่ำครวญ มันชะโงกหน้าออกมาจากพงหญ้าเพื่อดูคนกลุ่มนี้ถกปัญหากัน

           คนกลุ่มนั้นประชุมกันอย่างเอาจริงเอาจัง พวกเขาเอาชอล์กวาดแปลนหลายแปลนไว้บนก้อนหิน กำลังวางแผนกันว่าจะปลูกต้นอะไรไว้ตรงไหน

           พวกเขาถกกันตั้งแต่เช้ามืดจนกระทั่งตะวันสายโด่ง แต่ก็ตกลงกันไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว ทั้งนี้เนื่องจากความคิดเห็นของพวกเขาไม่ตรงกัน

           กบคิดในใจว่า " คนกลุ่มนี้ไม่ลงมือทำงานสักที เอาแต่พูดจ้าอย่นั่นแหละ "

           ต่อมา พวกเขาตกลงกันว่าจะไม่พูดถึงเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการระยะยาว ตอนนี้จะพูดถึงแผนการเฉพาะหน้าเกี่ยวกับการปรับปรุงบูรณะสวนร้างแห่งนี้เท่านั้น นายหลี่พูดว่า " ต้องถางหญ้ากับพงหนามออกให้หมดเสียก่อน แล้วก็เอาดอกไม้มาปลูก "

           นายจางพูดว่า " ไม่ได้ ต้องเอาดอกไม้มาปลูกก่อน แล้วค่อยถางหญ้ากับพงหนาม ทั้งนี้เพราะว่า... "
           นายหวังพูดว่า " ฉันเห็ด้วยกับความคิดเห็นคณหลี่ ถ้าหากไม่ถางหญ้ากับพงหนามทิ้ง ดอกไม้สวยๆ จะขึ้นได้ยังไง ? "

           คนอื่นๆ แย้งว่า " คุณหวังกับคุณหลี่เป็นพวกเดียวกันแน่ๆ เลย พวกเรากลับเห็นว่าข้อเนอคุณจางน่ะ ดีมาก เพราะว่า... "

           พวกเขยกเหตุผลต่างๆ นานามาถกเถียงกันใหญ่ การประชุมจึงยืดเยื้อจากช่วงเช้ามาจนกระทั่งช่วงบ่าย พวกเขาเริ่มโมโหและด่าทอกัน ในที่สุดก็ถึงขั้นลงมือลงไม้ชกต่อยกัน

           เจ้ากบหมดความอดทนที่จะรอคอยอีกต่อไป มันทำหน้าเศร้า แล้วค่อยๆ คลานหลบเข้าไปในหลืบหินดังเดิม

           ความหวังของจิ้งหรีดก็ค่อยๆ ดับวูบลง มันไม่อยากเห็นคนพวกนั้นทะเลาะวิวาทกัน จึงหดหัวกลับเข้าไปในพงหญ้า แล้ววิ่งหลบไปอยู่ที่มุมกำแพงกรีดเสียงโหยหวนค่ำครวญเพลงเศร้าต่อไป

           ในที่สุด อุทยานที่รกร้างก็ยังคงรกร้างดังเดิม

แง่คิด

           อุทยานที่รกร้างนี้เปรียบเสมือนประเทศที่ล้าหลังยากจนเต็มไปด้วยปัญหาสังคมต่างๆ นานา คนกลุ่มที่เข้ามาคุยกันว่าจะบูรณะอุทยานที่รกร้างให้สวยงามเปรียบเสมือนนักการเมืองบ้าน้ำลาย กบเอย จิ้งหรีดเอย เปรียบเสมือนประชาชนตาดำๆ ที่เฝ้าคอยว่าเมื่อไรจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

          เดิมอุทยานแห่งนี้มีความสวยมาก แต่เนื่องจากขาดคนดูแลเอาใจใส่ มันจึงทรุดโทรมจนดูไม่ได้ ความรกร้างของอุทยานกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ทุกคน ไม้ดอกไม้ประดับเริ่มเหี่ยวเฉาและตายไป นกกางเขนไม่มีที่อยู่ที่หากิน น้ำในสระแห่งขอด กบเขียดและสัตว์น้ำต้องอยู่อย่างอัตคัด วัชพืชและพงหนามขึ้นปกคลุมอุทยาน ผู้คนเข้ามาพักผ่อนไม่ได้

          นี่อุปมาอุปไมยที่ชี้ให้เราเห็นว่า หากเราไม่ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้ดี ประเทศชาติที่เคยอุดมสมบูรณ์เจริญรุ่งเรืองก็จะยากจน ล้าหลัง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพวกเราที่อาศัยบนผืนแผ่นดินนี้ เพราะฉะนั้น เด็กๆ จึงควรสนใจปัญหาบ้านเมือง อย่าคิดว่าเรื่องการเมืองไม่เกี่ยวข้องกับตัวเรา นอกจากต้องสนใจปัญหาสังคมแล้ว เด็กๆ ยังต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนเก่งขัดเกลาจิตใจให้เป็นคนดี พร้อมที่จะเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เมื่อโตขึ้น เด็กๆ จะได้มีวิสัยทัศน์ พร้อมที่จะช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง อย่าเป็นเหมือนผู้ใหญ่กลุ่มนั้นที่มัวโต้เถียงกัน ตั้งแง่ตั้งเหลี่ยม แย่งชิงผลประโยชน์กัน ไม่ยอมลงมือทำสักที ในที่สุด อุทยานแห่งนี้ก็ต้องรกร้างต่อไปอย่างไม่มีกำหนด

       " หากเราไม่ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้ดี
ประเทศชาติที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็จะยากจน
และส่งผลต่อประชาชนในที่สุด "






By รัถยา  สารธรรม ( มังกรสอนศิษย์ )

No comments:

Post a Comment