วิถีวิสัยในด้านลบของขุนแผนที่แล่นโลดโดดเด่น แต่ไม่ไคร่มีใครใฝ่เห็นนัก คือการเป็นนักรักซึ่งแย่เอามากๆ หากแต่เรามักเมินการณ์ไป
ในบรรดา 5 เมียของขุนแผนนั้น ทุกคนโดนมนต์เทพรัญจวนหมด ( บางบทบางคนด้นว่า คาถามหาละลวย ) แล้วตามด้วยการชื่นชมสมสนิทคิดว่าเป็นยอดเสน่ห์แห่งยอดชาย แม้แต่บางรายจะบอกขานขุนแผนมีคารมหวานพกติดปากอยู่เป็นอาวุธคู่บุญ
แต่ภาพของขุนแผนที่อ่านทีไร แกเล่นใช้มนต์ออกเป่ากรอกหูทุกครั้ง ยังไงๆ ก็ถือว่าได้หญิงมาด้วยฤทธีหาใช่ฝีมือไม่ ทั้งความจริงใจอันจะใช้ผูกตรึงเห็นมีเพียงกึ่งๆ มิเต็มจิต
วันทองถึงคิดถึงขุนช้างทุกครั้งที่มีเรื่องร้ายแรง ความรักแห่งสายทองที่มีต่อขุนแผนกลับดูแกนๆ พิกล หรือมนต์ที่บัวคลี่ถูกก็มิได้ผูกได้เที่ยงแท้เหนือความเป็นแม่และพ่อ ฯลฯ
ข้อบกพร่องสิ่งนี้มีต้นเค้ามาจากเหล่ากวีเหมือนที่แย้มไว้ก่อนหน้า เพราะดีแต่ใช้ลีลากลอน ทว่าหย่อนเชิงชั้นแง่การสรรคำนำเสนอหลายส่วน
ขุนแผนจึงเป็นตัวเองที่ด้วนๆ ดาดๆ ขาดเสน่ห์ยิ่งนัก
ขอพักบทบาทเขาเอาไว้ชั่วครู่ หันมาดูตัวคู่ขนานซึ่งกวีจงใจให้คนอ่านเกลียดชังตั้งแต่แรกวาง คือ
ขุนช้าง
ผู้ที่แสดงความรังเกียจเดียดฉันท์นอกหน้าคือมารดา ( นางเทพทอง ) เป็นตัวนำร่อง ทั้งที่เป็นท้องแรก ฟังนางแหกปากด่าทอดู
ทุดลูกบัดสีเหมือนผีปั้น
หัวล้านในครรภ์ดังวงเดือน
เสียแรงอุ้มท้องประคองมา
ชกโคตรแม่อ้ายหมาขี้เรื้อนเปื้อน
เลี้ยงมันไว้ใยอายเพื่อนเรือน
หัวเหมือนโคตรข้างไหนให้เกิดมา
สวดมนต์ฉันเสร็จสำเร็จแล้ว
ฝ่ายข้างพลายแก้วอุตริว่า
เราเล่นเป็นผัวเมียกันเถิดรา
ขุนช้างร้องว่าข้าชอบใจ
นางพิมด่าไปอ้ายนอกคอก
รูปชั่วหัวถลอกกูหาเล่นไม่
พลายแก้วว่าเล่นเถิดเป็นไร
ให้ขุนช้างนั้นไซร้เป็นผัวพลาง
ตัวข้าจะย่องเข้าไปหา
จะไปลักเจ้ามาเสียจากข้าง
ทั้งสองรบเร้าเฝ้าชวนนาง
จึงหักใบไม้วางต่างเตียงนอน
นางฉลาดกวาดทรายกลายเป็นเรือน
พูนขึ้นกล่นเกลื่อนดังฟูกหมอน
นางพิมนอนกลางดินดอน
เจ้าขุนช้างหัวกล้อนเข้านอนเคียง
พลายแก้วโดดแหวกเข้าแทรกกลาง
ชกหัวขุนช้างที่กลางเกลี้ยง
ขุนช้างทำหลับอยู่บนเตียง
นางพิมนอนเคียงเฝ้าเมียงมอง
นางพิมด่าอ้ายตายโหง
พวกอ้ายโล้งโต้งกูไม่เล่นได้
อ้ายหัวล้านขี้ถังมันจังไร
แล้วพาฝูงข้าไทไปเรือนพลัน
ท่านผู้ฟังทั้งสิ้นอย่ากินแหนง
จะประดิษฐ์คิดแต่งก็หาไม่
เด็กอุตริเล่นหากเป็นไป
เทวฑูตดลใจให้ประจักษ์ตา
เด็กเล่นสิ่งไรก็ไม่ผิด
ทุจริตก็เป็นเหมือนปากว่า
อันคดีมีแต่โบราณมา
ตำรานี้มีอยู่ในสุพรรณ
อยู่ที่จะกล้าเปลี่ยนกล้าเขียนหรือเปล่าเท่านั้นเอง
มาเพ่งที่วิถีทางของขุนช้างต่อดีกว่า
ขุนช้างเติบโตมาพ่อแม่มีฐานะร่ำรวยกระทันหัน ( แม้กระนั้นผู้เป็นมารดาก็เฝ้าด่าเฝ้าระอาเอือมไม่เสื่อมคลาย ส่วนพ่อ ( ขุนศรีวิชัยก็พาไปถวายตัวกับพระพันวสาเพราะปราถนาจะให้เป็นมหาดเล็ก แต่ด้วยวัยเด็กพระพันวสาจึงโปรดฯ ให้มาเมื่อตอนโต )
ไม่นานขุนศรีวิชัยก็ถูกโจรฆ่าตาย ขุนช้างกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแต่เยาว์ ( เรื่องยิ่งผนวกเอาพลายแก้ว นางพิมให้กำพร้าบิดาด้วยใกล้ๆ กัน ) จากนั้นความรวบรัดตัดตอนให้ขุนช้างเป็นหนุ่มตกพุ่มม่ายเพราะเมียตายเร็ว ( นางแก่นแก้ว ) เมื่อพลายแก้วบวชเณรมาอยู่วัดป่าเลย์ไลยขุนช้างก็ไปฟังเทศน์ พบนางพิมทั้งยังได้เปลื้องผ้าบูชากัณฑ์เทศน์เคียงข้างนางพิม ครั้นกลับก็ปิ้มครวญถึงนวลน้องเจียนปางตาย เรื่อยไปจนให้แม่ไปสู่ขอ ( แต่แม่ไม่ยอม ) และเลยเถิดถึงแอบดูนางพิมอาบน้ำจนถึงเข้าหานางศรีประจัน ( แม่นางพิม ) เพื่อขอลูกสาวเป็นภรรยา และนางศรีประจันมีทีท่าละโมบทรัพย์ ขณะที่นางพิมกลับออกปากด่าไล่
ไปๆ มาๆ เป็นอันว่าขุนแผนได้แต่งงานกับนางพิม พอดีมีทัพทางเหนือรุกตีหัวเมือง ขุนช้างได้ทีจึงทูลกับพระพันวสาว่าพลายแก้วมีฝีมือรบพุ่งดี ( เพราะมีแผนจะเครมนางพิมนั่นเอง )
ขุนช้างวางหมากหลายชั้นจนนางศรีประจันยกนางวันทอง ( เปลี่ยนชื่อใหม่ ) ให้ขุนช้างสำเร็จ แล้วมีเหตุการณ์พ้องกับด้านขุนแผนมาตลอดสอดไส้กันไปมากระทั่งถึงวาระของนางวันทองที่จะต้องถูกตัดหัว
ขุนช้างคนชั่วช้าตามสายตาคนทั่วไปก็จบบทลงในกลอนท่อนสุดท้ายของเขาดังนี้ ( หลังจากที่ปรับความเข้าใจกับพระไวยฯ และขุนแผนแล้ว )
ขุนช้างได้ไตรแล้วปลงผม
มือประณมอุ้มไตรเข้าไปหา
ปากว่าตาพองร้องอุกา
งันงกตกประหม่าอยู่พร่ำพรู
แต่เวียนปนเปื้อนจำไม่ได้
พ่อบอกให้ฉันเถิดหลวงตาหนู
ฉันไม่เคยอุกาตาเอ็นดู
ไตรชูบังหน้าว่าตามไป
จบแล้วห่มดองครองผ้า
รับศีลออกมาหาช้าไม่
นอนค้างอยู่กุฏิที่วัดตะไกร
ครบสามคืนสึกไปเมืองสุพรรณ
ขุนช้างหน้าตาน่าสังเวช ขนาดสมเด็จพระพันวสาราชาผู้ควรมีอุเบกขาเห็นหน้ายังหัวร่อร่า ตามหลักจิตวิทยาขุนช้างน่าจะเป็นเด็กดีประหม่าอายไม่ก็เก็บกด ทว่าบทบาทกลับผิดคาดเพราะสามารถทำกิริยาน่าเกลียดได้หลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังโกหกพกลมคล่องแคล่ว คบเพื่อนแล้วก็ทรยศอยู่ร่ำไป และมีความไคร่จนล้นอกดังจะเป็นจกเปรตอันเป็นเหตุกำหนดมาบดบังความดีที่พอมีอยู่ให้หรุบหรู่อย่างน่าเสียดาย
เพราะผู้ชายอย่างขุนช้างขุนแผนผู้มีแต่กามโลกีย์ยึดกับวันทองสถานเดียว มิเคยแลเหลียวมองถึงซึ่งคุณความดีเบื้องแรก ( มาสติแตกคิดได้ก็ตอนตายไปแล้ว )
ไม่แคล้วที่จะตราหน้าว่าเพราะ 2 ผัว 2 ชั่วโฉด นางวันทองถึงต้องโทษประหารโดยแท้
By คมทวน คันธนู ( วรรณวิพากษ์ )
No comments:
Post a Comment