ไม่เกิด ไม่ตาย
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฌานาจารย์เจี้ยนหยวนติดตามพะอาจารย์ของท่านไปงานศพแห่งหนึ่ง เพื่อสวดพระอภิธรรมอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย หลังเสร็จพิธีแล้ว ฌานาจารย์เจี้ยนหยวนใช้มือเคาะโลงศพถามอจารย์เต้าอู้ว่า " คนในโลงศพเกิดหรือตาย ? "
พระอาจารย์เต้าอู้ตอบว่า " ไม่ขอบอกว่าเกิด ไม่ขอบอกว่าตาย " ฌานาจารย์เจี้ยนหยวนถามอย่างประหลาดใจว่า " ทำไมถึงไม่ขอบอก ? " พระอาจารย์ตอบว่า " ไม่บอกก็คือไม่บอก "
เมื่อกลับถึงอาราม ฌานาจารย์เจี้ยนหยวนพูดอย่างไม่พอใจว่า " ถ้าอาจารย์ยังไม่บอก ต่อไปอาตมาจะไม่ติดตามอาจารย์ไปทำพิธีอะไรที่ไหนอีกแล้ว " พระอาจารย์ตอบว่า " ไม่ไปก็ไม่ไป ยังไงอาตมาก็ไม่บอก "
หลังจากนั้น ฌานาจารย์เจี้ยนหยวนก็ไม่ติดตามพระอาจารย์ไปทำพิธีอะไรที่ไหนอีกเลย จนกระทั่งพระอาจารย์ดับขันธ์ในฌานสมาบัติต่อมา ฌานาจารย์เจี้ยนหยวนมีโอกาสไปเยี่ยมฌานาจารย์สือซวง ก็ถามท่านด้วยคำถามเดียวกัน และได้คำตอบเหมือนอาจารย์ว่า " ไม่ขอบอกว่าเกิด ไม่ขอบอกว่าตาย " ถึงตอนนี้ ฌานาจารย์เจี้ยนหยวนก็สว่างวูบเข้าใจโดยฉัพลัน
มนุษย์นั้นไม่ตาย แม้สังขารจะประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ เมือสังขารแตกดับ ก็หมายความว่าร่างกายตายแล้ว แต่จิตใจคือพุทธะในตัวเรา มิได้ประกอบขึ้นจากธาตุทั้งสี่ เพราะฉะนั้น จึงไม่อาจบอกว่าเกิดหรือบอกว่าตาย "
คนสมัยโบราณมักทุ่มเทชีวิตใจให้กับสิ่งที่เรียกว่า สร้างระบอบรักษากฏหมาย ช่วยเหลือราษฎร ( ลี่เต๋อ ) สร้างคณูปการแก่แผ่นดิน ( ลี่กง ) และพูดจามีสาระเป็นที่เชื่อถือ ( ลี่เหยียน ) เราอาจกล่าวได้ว่าจิตใจเช่นนี้เป็นอมตะ ไม่เกิดและไม่ตาย ควรที่คนสมัยนี้จะเอาอย่างและสืบทอดต่อไป
By เซ็น : วิถีแห่งความสุขที่แท้
No comments:
Post a Comment