ยามว่างไม่ควรให้ผ่านเลย
จักได้ประโยชน์ยามงานชุก
ยามสงบไม่ควรจะอยู่เฉย
จักได้ประโยชน์ยามเคลื่อนไหว
ยามมืดไม่ควรหลอกลวงปกปิด
จักได้ประโยชน์ยามสว่าง
นิทัศน์อุทาหรณ์
กันไว้ดีกว่าแก้" ป้องกันก่อนฝนตก " เป็นสำนวนทีมักจะใช้กันอยู่เสมอๆ ทุกๆ คนต่างล้วนแต่เข้าใจควมหมายของมันดี คำคำนี้มาจากบทกวีบทหนึ่งชื่อว่า " เหยี่ยวนกเค้าแมว " ใน " คัมภีร์กวี "
ตัวเอกของบทกวี " เหยี่ยวนกเค้าแมว " นี้ ไม่ใช่เหยี่ยวนกเค้าแมวอันเป็นนกดุร้าย แต่เป็นแม่นกที่น่าสงสารตัวหนึ่ง ลูกๆ ของแม่นกถูกนกดุร้ายกินไปหมดแล้ว รังที่อยู่บนต้นไม้ก็ถูกเด็กๆ ใช้ลูกกระสุนยิงจนพังไปแล้ว แต่แม่นกก็มิได้ท้อถอย บินลงไปคาบรากไม้ใบหญ้า สร้างรังใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่าขึ้นมาอีก
อาจจะมีคนไม่เข้าใจว่า หลังจากได้ผ่านเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่ลูกนกและรังนกสูญไปหมดแล้ว แม่นกก็เหนื่อยแสนจะเหนื่อยแล้ว เหตุไฉนจึงยังไม่ยอมหยุดพัก ยังคงทำงานขยันขันแข็งอยู่เช่นนั้น ?
ฟ้าก็โปร่งใสเหลือเกิน เด็กที่เล่นหนังสติ๊กก็ถูกพ่อแม่เอ็ดไปแล้วแม่นกควรจะฉวยโอกาสนี้ร้องเพลงไพเราะให้เพลิดเพลิน ดื่มน้ำใสในลำธารให้ชื่นใจสัก ๒ -๓ อึก จะมีความสุขสบายมากกว่าเป็นไหนๆ
แต่แม่นกไม่ได้คิดอย่างนั้น กลับรู้สึกว่า ฟ้าโปร่งเป็นเวลาดีที่จะทำงาน มิฉะนั้นเมื่อลมพัดฝนตกก็จะหาที่หลบซ่อนปกปิดไม่ทัน
นี่ก็คือที่มาของสำนวนคำว่า " ป้องกันก่อนฝนตก "
ผู้แต่ง " ภาษิตรากผัก " ก็ได้เขียนไว้ว่า
" เมื่อยามที่มีเวลาว่าง ไม่ควรปล่อยให้เวลาว่างไปโดยเปล่าประโยชน์ ควรจะทำการตระเตรียมให้เต็มที่ เมื่อถึงคราวมีงานยุ่ง จะได้สามารถรับมืออย่างค่อนข้างสะดวก
เมื่ออยู่ในยามสงบ ไม่ควรปล่อยกายปล่อยใจไปตามใจชอบ จะต้องคอยสะสมพลังกายพลังใจ เมื่อเผชิญกับงานหนักในภายหลัง ก็จะไม่ถึงกับใจคอวุ่นวายสับสนอลหม่าน
เมื่ออยู่ในที่มืดลับตาไม่มีใครรู้เห็น ไม่หลอกลวงคนอื่นไม่ปกปิดความผิดของตน ไม่กระทำความชั่ว เมื่อเป็นดังนี้ ขณะที่ออกสู่ที่สว่าง ก็จะไม่อับอายขายหน้าแก่ผู้คนทั้งหลาย เงยหน้าไม่อายฟ้าก้มหน้าไม่อายดิน "
By หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )
No comments:
Post a Comment