Wednesday, September 12, 2012

เหลาจื้อพบเต๋า



        สมัยโบราณ ผู้คนเชื่อเรื่องสวรรค์และเชื่อเรื่องเทพเจ้า แม้แต่เรื่องโชคชตาก็เชื่อว่าสวรรค์กำหนด ฉะนั้น เมื่อคนทำดีแล้วกลับเคราะห์ร้ายพวกเขาจะบอกว่า สวรรค์ไม่มีตา ส่วนบางคนไม่กล้าโทษสวรรค์กลับพูดว่าชาติก่อนตนทำไม่ดีไว้ ชาตินี้จึงต้องใช้กรรม

        เมื่อมาถึงสมัยเหลาจื้อ เหลาจื้อศึกษาความเป็นไปของธรรมชาติและกล่าวว่าไม่มีสวรรค์ไม่มีเทวดาทุกสิ่งดำเนินไปตามวิถีธรรมชาติ

        ในช่วงเวลานั้น แนวคิดของเหลาจื้อสวนทางกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ฉะนั้น เหลาจื้อจึงถูกดูแคลน ถูกหัวเราะเยาะ และถูกเสียดสีต่างๆ นานา แต่เหลาจื้อกลับไม่สนใจกลับมุ่งศึกษาธรรมชาติ

         ในที่สุด เหลาจื้อค้นพบว่า ธรรมชาติของสรรพสิ่งเกิดเป็นคู่ มีกลางวันก็มีกลางคืน มีร้อนก็มีหนาว มีโชคดีก็มีโชคร้าย มีตัวผู้ก็มีตัวเมีย มีเกิดก็มีตาย ....

          หากไม่มีความดีก็ไม่มีความชั่ว หากไม่มีสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่มีสิ่งที่ผิด


          เหลาจื้อจึงใช้มีดสลักอักษรลงบนแผ่นไม้ไผ่ว่า ... " เมื่อเต๋าเคลื่อนขยับจะเกิดสิ่งตรงข้าม " " เต๋ามีความเป็นหนึ่งเดียว ต่อมาแตกเป็นคู่คือหยินหยาง ( เกิดสิ่งตรงข้ามคู่กัน ) 1 คู่ แตกเป็น 2 คู่ แตกเป็น 3 คู่ แตกเป็น 4 4 แตกเป็น 5 กระทั่งเกิดสรรพสิ่ง แม้แต่ฟ้าดินก็เป็นหยินหยาง "

          หยินหยาง ( อิมเอี๊ยง ) หยินหมายถึงส่วนที่เป็นเงาของแดด หยางหมายถึงส่วนที่สว่างเมื่อแสงแดดส่อง หยินหยาง ( อิมเอี๊ยง ) คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นคู่กัน เมื่อสรรพสิ่งเกิดความเปลี่ยนแปลง จะเกิดหยินหยางสลับกัน

           เหลาจื้อรู้สึกว่าการสลักอักษรลงบนแผ่นไม้ไผ่ไม่ละเอียดพอ จึงคิดจะถ่ายทอดจากปากของตนเองให้แก่บรรดาศิษย์ เหลาจื้อจึงเรียกประชุมศิษฐ์ที่บ้าน จากนั้นจึงกล่าวว่า..." เวลานี้ ข้ารู้สึกแก่ชรา อีกมินานคงจากโลกนี้ไป จึงเรียกพวกเจ้ามาเพื่อถ่ายทอดวิชาทั้งหมด "

          ว่าแล้ว เหลาจื้อ จึงเริ่มสาธยายว่า... " เต๋า ที่นำมาเล่าสู่กัน ไม่ใช่เต๋าปกติ " ( หมายถึง เต๋าที่ผู้คนเอามาพูดกันไม่ใช่เต๋า 100% เมื่อผู้คนพูดออกมาจากปากมันก็เพี้ยนแล้ว )

          หลังจากถ่ายทอดจบสิ้น เหลาจื้อจึงกล่าวถ้อยคำสุดท้ายว่า...

          " ข้าได้ถ่ายทอดวิชาที่ข้าศึกษามาตลอดชีวิตให้แก่พวกเจ้าจนหมดสิ้น ขอให้พวกเจ้าจงนำไปวิเคราะห์ให้เข้าใจ ส่วนข้ากับพวกเจ้าก็ถึงเวลาต้องลาจากกัน ก่อนจากกันข้าขอมอบท้อยคำสุดท้ายว่า...ผู้ที่ยิ่งเข้าใจใน " เต๋า " จะดูประหนึ่งยิ่งโง่เขลา "

         หลังจากนั้น เหลาจื้อเดินทางออกจากเมืองหลวงของราชวงศ์จิว ( โจว ) เร้นกายอยู่อย่างสันโดษ ไม่มีใครพบเหลาจื้ออีกเลย






By ป.แผนสำเร็จ ( ปรัชญาการดำรงตนของจอมปราชญ์ : สรรนิพนธ์จอมปราชญ์ )

No comments:

Post a Comment