Friday, September 28, 2012

ทนอัปยศ



ทนอัปยศ
เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่

          ท่านเวี่ยฉวนเป็นพระเซนที่วาดรูปเก่งมาก เก่งระดับจิตรกรมืออาชีพหรือดีกว่านั้นเลยทีเดียว แต่ข้อเสียของท่านก็คือ ท่านชอบเรียกค่าวาดรูปตรงๆ ซื้อ - ขายต่อรองแบบไม่กระมิดกระเมี้ยนกันเลย ใครจะให้ท่านวาดรูป ต้องจ่ายค่าจ้างให้ก่อน เงินไม่มา พู่กันไม่ขยับ ท่านทำแบบนี้ได้ไม่นาน ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เละเทะ ใครๆ ก็กล่าวหาว่าท่านทำตัวไม่เหมาะสมกับสมณเพศ หน้าเลือด หน้าเงิน

           " สมัยนี้สังคมมันเสื่อมทราม ใจคนไม่เหมือนก่อน แม้แต่พระก็ยังโลภมาก หิวแต่เงิน "

           วันหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งมาว่าจ้างท่านเวี่ยฉวนให้วาดรูปให้ ท่านเวี่ยฉวนถามโพล่งว่า " จะจ่ายอาตมาเท่าไร "


           " เงินไม่ใช่ปัญหา ท่านอยากได้เท่าไรก็เท่านั้น " หญิงคนนั้นตอบ " แต่มีข้อแม้อยู่ว่า ท่าต้องไปวาดรูปที่บ้านข้า วาดต่อหน้าธารกำนัล "

           ท่านเวี่ยฉวนรับปากโดยไม่ลังเล

           เมื่อมาถึงบ้านของผู้หญิงคนนั้น ก็พบว่าบ้านของนางกำลังมีงานเลี้ยง แขกเหรื่อเต็มบ้าน ท่านเวี่ยฉวนตั้งสติเล็กน้อย แล้วตวัดพู่กันวาดรูปทันที พอวาดเสร็จ รับค่าจ้างมาแล้วก็เตรียมอำลาจากไป แต่หญิงคนนั้นกลับเอาภาพวาดของท่านเวี่ยฉวนมาโชว์กลางงาน แล้วประกาศกับแขกเหรื่อที่พลุกพล่านว่า

           " นี่เป็นภาพวาดที่ท่านเวี่ยฉวนวาดขึ้น พระรูปนี้ทำตัวไม่สมกับที่เป็นพระ คนแบบพระเวี่ยฉวนถือเป็นปฏิกูลสิ่งโสโครกของศาสนา เขารู้จักแต่จะเอาเงินเอาทอง ถึงแม้ฝีมือเขียนภาพจะล้ำเลิศ แต่ถ้าจิตใจสกปรก บูชาแต่เงิน ไม่มีศีลธรรมจรรยา ภาพที่วาดออกมา มันก็อย่างั้นๆ แหละ เอามาแขวนไว้ในห้องรับแขก ก็รังแต่จะทำให้ห้องรับแขกแปดเปื้อน ภาพวาดของเขา ทำได้อย่างมากก็แค่ประดับชายกระโปรงสตรี "

         พูดจบก็สั่งให้สาวใช้นำกระโปรงตัวหนึ่งมาให้ แล้วขอให้ท่านเวี่ยฉวนวาดรูปบนชายกระโปรงนั้น

         ท่านเวี่ยฉวนถามเสียงราบเรียบว่า " ท่านจะจ่ายให้อาตมาเท่าไร "

         หญิงนั้นตอบว่า " แล้วแต่ท่านจะเรียกราคา "

         ท่านเวี่ยฉวนเรียกราคาสูงลิ่ว แล้วลงมือวาดภาพบนชายกระโปรงวาดเสร็จก็เดินจากไป

         หลายคนเริ่มสงสัยว่า ทำไมพระรูปนี้ถึงได้หิวเงินนัก เขาเอาเงินไปทำอะไร ทำไมไม่รักศักดิ์ศรี ขอเพียงได้เงิน จะให้เขาวาดรูปอะไรที่ใหน เขาก็ทำได้ทั้งนั้น

         ไม่นานต่อมา ความจริงก็เริ่มกระจ่าง ที่แท้ชุมชนใกล้วัดที่ท่านเวี่ยฉวนจำพรรษาอยู่นั้นเกิดภัยแล้งรุนแรง แต่พวกเศรษฐีคนรวยไม่ยอมควักเงินช่วยเหลือคนยากจน ท่านเวี่ยฉวนอยากจะวางระบบชลประทานและสร้างยุ้งฉางให้ชาวบ้าน แต่ไม่มีเงิน ท่านจึงคิดหาเงินด้วยการรับจ้างวาดรูป

         หลายปีมานี้ ท่านเวี่ยฉวนถูกคนค่อนขอดนินทา ดูถูกเหยียดหยามสารพัดสารเพ แต่ท่านไม่หวั่นไหว ยังคงยืนหยัดทำงานไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จนกระทั่งการก่อสร้างสำเร็จลุล่วง ท่านเวี่ยฉวนก็ทิ้งพู่กัน ปลีกวิเวกเข้าไปอยู่ป่าลึก นับแต่นั้นมา ท่านก็ไม่แตะพู่กันอีกเลย ท่านพูดเพียงแต่ว่า "  วาดเสือ วาดได้แต่รูปลักษณ์หนังเสือเปลือกนอกภายนอก มิอาจวาดกระดูกวาดแก่นจิตวิญญาณ วาดคน วาดได้แต่หน้าตารูปลักษณ์เปลือกภายนอก มิอาจวาดใจคนวาดความคิดจิตวิญญาณ "

แง่คิด

        ถ้าขาดความอดกลั้น ก็ทำงานใหญ่ไม่ได้

        ภาษิตจีนกล่าวว่า " เรื่องเล็กๆ อดกลั้นไม่ได้ จะเสียการณ์ใหญ่ " อดกลั้นสักนิด คลื่นลมก็สงบ ถอยสักก้าว ก็มองเห็นฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ " อดทนในเรื่องที่คนอื่นทนไม่ได้ จึงจะสำเร็จในสิ่งที่ผู้อื่นมิอาจสำเร็จ " เหล่านี้ล้วนเป็นสุภาษิตสู่ความสำเร็จ

        ความอดกลั้นอดทนหรือขันติ หมายถึงการรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันใดเป็นที่พึงปราถนาหรือไม่พึงปราถนาก็ตาม

        คนเรามีความอดกลั้นอดทนอันยิ่งใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อมีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ หรือเป้าหมายอันยิ่งใหญ่แล้วเท่านั้น อย่างเช่นในยุคชุนชิว กษัตริย์โกวเจี้ยนแห่งแคว้นเย่รบแพ้แคว้นอู๋ จึงตั้งอุดมการณ์ไว้ว่าจะต้องกอบกู้บ้านเมืองให้จงได้ โกวเจี้ยนยอมทำงานเป็นขี้ข้ารับใช้กษัตริย์ฟูไชแห่งแคว้นอู๋ ยอมแม้กระทั่งชิมอุจาระให้ฟูไชเมื่อตอนฟูไชล้มป่วย โกวเจี้ยนทนอัปยศได้สารพัด มีความอดกลั้นอดทนอย่างเหลือเชื่อในที่สุดก็กอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ

         คนเราเมื่อมองเห็นการณ์ใหญ่ เรื่องอื่นๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก ทั้งศักดิ์ศรี หน้าตา กฏสมมติอื่นๆ ล้วนกลายเป็นด้านรอง มองข้ามได้หมด เพราะมุ่งเป้าไปที่จุดมุ่งหมายหลักจุดเดียว เขามองข้าม ปล่อยวางจนกระทั่งคนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนหน้าด้าน ไม่รักศักดิ์ศรี ต่ำช้า เลวทราม ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้ เขาก็ยิ่งใช้ความอดกลั้น อดทนมากยิ่งขึ้น

         โดยทั่วไป เรานับถือผู้มีขันติธรรม เนื่องจากผู้มีขันติธรรมนอกจากมีอุดมการณ์ มีเป้าหมายแล้ว ยังต้องมีคุณธรรม มีความรู้แจ้ง มีมานะบากบั่น ต้องผ่านการฝึกฝนหล่อหลอมเคี่ยวกรำอย่างหนักมาระดับหนึ่ง จึงจะแสดงออกอย่างสุขุมนุ่มลึก แน่วแน่มั่นคง เช่นนี้ได้






By สุภาพร  ปิยพสุนทรา ( สว่าง อย่าง เซน )

No comments:

Post a Comment