เรื่องต่างๆ 99% นั้นผมไม่รู้
ผมอ่านหนังสือที่คุณมัตสุชิตะเขียน พบข้อความหนึ่งน่าสนใจมาก ท่านเขียนไว้ว่า " เรื่องต่างๆ 99% นั้นผมไม่รู้ "
ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้ารู้ว่าข้อความข้างต้นนี้ คุณมัตสุชิตะเป็นคนเขียนจะรู้สึกสะดุดใจอย่างมาก
เราต่างคิดว่าตัวเองมีความรู้ไม่น้อย จึงเกิดความรู้สึกผิดๆ ว่า " ตัวเองรู้ " โชคดีผมมีโอกาสตื่นจากความรู้สึกที่ผิดดังกล่าวหลายครั้ง
- สมัยผมเรียนมัธยมปีที่ 2 ผมไม่มีความรู้เรื่องแมงมุนเลย ต่อมาผมพบอีกว่า สิ่งที่ผมไม่รู้ยังมีอีกมาก
- สมัยเรียนมัธยมปลาย ผมมีโอกาสเปิดสารานุกรม ซึ่งทำให้ผมรู้ว่าความรู้ช่างไร้ขอบเขตโดยแท้ จึงสิ้นหวัง ไม่อยากหาความรู้อีก
- สมัยทำงานโฆษณาอยู่ในบริษัทเคนสึ ผมเกิดความรู้สึกอย่างมากว่า ไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของชาวญี่ปุ่น 100 ล้านคน ถ้าจะทำความเข้าใจ คงมิใช่เรื่องง่าย
- ขณะที่มีคนถามผมว่า " งานโฆษณาของคุณช่วยให้สินค้าของเรา ขายออกหรอไม่ ? ผมตอบไม่ได้ จึงรู้สึกหงุดหงิดกับ " ความไม่รู้ "
- ในที่สุด ผมก็ " เข้าใจความรู้สึกของมหาชน " แต่ผันจากตัวเองมาเป็นที่ปรึกษานักธุรกิจ ก็พบว่า ผม " ไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเหล่ากรรมการผู้จัดการ " เลย
ผมมีโอกาสพบ " ความไม่รู้ " ของตัวเองหลายครั้งดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งทุกครั้งล้วนกลายเป็น " จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ " ในชีวิตผม
คนเราจเป็นต้องมีความรู้ แต่ไม่ควรเชื่อส่งเดช ความรู้มิใช่ความจริงทั้งหมด เป็นแค่คำอธิบายของมนุษย์เรา ข้อเท็จจริงจำนวนมากแสดงว่าคนเรามักเข้าใจผิดว่า ความรู้คือความจริง
พวกที่ประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจมักพูดว่า
" เพราะไม่รู้ จึงประสบความสำเร็จ "
นี่เป็นคำพูดที่น่าคิด ทุกคนที่มีความรู้และประสบการณ์อันอุดมมักถูก " ทัศนคติ " ที่ " เข้าก่อนเป็นเจ้าบ้าน " และความรู้ทั่วไปครอบงำ จึงทำงานได้เฉพาะในขอบเขตที่รู้ ในทางตรงข้าม คนไม่รู้กลับทำสิ่งต่างๆ นอกเหนือเหตุผลปกติได้ เพราะไม่ถูกความรู้ทั่วไปครอบงำ ผลคือประสบความสำเร็จ
บางคนพูดว่า " คนนอกวงการ บุกเข้าวงการเรา มักประสบความสำเร็จ " ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่า ความรู้มีพลังยับยั้งทำนอง " ทำ...ไม่ได้ "
พูดง่ายๆ ก็คือ ขณะที่เรากำลังสนุกกับความรู้นั้น หารู้ไม่ว่าเราเป็นแค่พลเมืองชั้นสาม
by อิบูคิ ทาคาชิ, โทขุระ โทราโอะ ( คนฉลาดแสร้งโง่ )
No comments:
Post a Comment