Monday, November 19, 2012

ไร้ค่า ไร้ความหมาย

ความหวังของน้ำ

          ภายในห้องหนังสือที่แสนสวยหรู มีแจกันโบราณใบหนึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้อง ในนั้นมีน้ำอยู่นิดหน่อย และมีดอกเหมยกิ่งหนึ่งปักอยู่ น้ำในแจกันถูกเปลี่ยนตั้งแต่ตอนเช้า แต่ดูเหมือนว่าน้ำใหม่เหล่านี้จะอึดอัดมาก มันบ่นอยู่ตลอดเวลาว่า

           " ฉันไม่อยากอยู่นิ่งๆ ในแจกันแบบนี้ ที่นี่คับแคบ เหมือนคุกไม่มีผิดอยู่แค่วินาทีเดียวก็จะอกแตกตายแล้ว ฉันอยากออกไปข้างนอก ไปสู่โลกกว้างโลกที่มีแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า ซึ่งจะทำให้ฉันเปล่งประลกายระยิบระยับน่าพิศวง ฉันอยากจะไปอยู่ในแม่น้ำลำคลองที่สายน้ำไม่เคยเหือดแห้ง เพื่อที่ฉันจะได้ขับร้องเพลงตามใจปราถนา ฉันทนอยู่นิ่งๆ ในที่แบบนี้ไม่ได้ ที่นี่คับแคบ ไม่สะดวก ไม่น่าอยู่ "

          ด้วยเหตุนี้เอง น้ำจึงดิ้ขลุกขลิกพร้อมกับบ่นเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แม้ว่าปากแจกันจะสูงกว่าระดับน้ำไม่มากนักก็ตาม ทว่าน้ำซึ่งถูกขังอยู่ในนั้นก็ไม่มีทางที่จะกระโดดออกไปได้



          น้ำในแจกันร้องตะโกนต่อไปว่า " ฉันไม่ยอมอยู่ที่นี่อย่างเด็ดขาด ! ฉันจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ฉันจะออกไปยืดเส้นยืดสาย ฉันไม่ยอมนอนขึ้นอืดในที่แคบๆ แบบนี้ดอก ! "

          แจกันมองดูน้ำที่ดิ้นขลุกขลักอย่างหมั่นไส้ แล้วพูดว่า " แกนี่มันมากเรื่องจริงๆ แกหาว่าที่นี่ไม่ดีอย่างนั้นหรือ ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นของที่ล้ำค่าที่สุดในห้องหนังสือห้องนี้เชียวนะ แกอยู่ในท้องของฉัน แถมยังได้หล่อเลี้ยงกิ่งเหมยที่สูงส่งปานดอกฟ้า เท่านี้ยังไม่พอใจอีกหรือ ? แกอย่าหาเรื่องอีกเลย ฉันขอเตือนแกว่า จงอยู่ที่นี่อย่างสงบจะดีกว่า ! "

          น้ำไม่ได้สนใจคำพูดของแจกันแม้แต่น้อย มันยังคงร้องตะโกนว่า " ฉันไม่สนดอกว่าแกสูงส่งล้ำค่าแค่ไหน ฉันคิดอยู่อย่างเดียวว่า คุกน่ะต่อใหวิจิตรงดงามสักเพียงใด ก็ไม่มีใครอากอยู่ดอก ! อีกอย่างหนึ่ง กิ่งเหมยอยู่บนต้นของมันดีๆ ไปหักเอามาทำไม ? มาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันก็เหี่ยว แล้วมันก็จะถูกโยนทิ้งลงถังขยะ ให้ฉันมาหล่อเลี้ยงกิ่งเหมยที่เป็นเครื่องประดับ มันช่างไร้สาระสิ้นดี ฉันยังมีงานต้องทำอีกมาก ไม่อยากเสียเวลากับกิ่งเหมยที่น่าสงสารกิ่งนี้ดอก ฉันจะต้องอกจากที่นี่ให้ได้ ต้องออกไปให้ได้ ! "

          น้ำดิ้นรนประหนึ่งม้าป่าที่ติดบ่วงบาศก์ มันพลิกตัวไปมาอย่างเจ็บปวดปากก็คร่ำครวญครางว่า " ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ! ฉันอยากแปลงกายเป็นเมฆ ท่องเทียวไปในนภา ฉันจะบินให้สูงกว่านก เร็วกว่าเครื่องบิน ฉันแปลงกายเป็นเมล็ดฝนโปรยปรายลงสู่พื้นโลก ฉันจะไปหล่อเลี้ยงพืชต่างๆ ให้เจริญงอกงาม ฉันจะแปลงกายเป็นสายน้ำ ไหลลงสู่ห้วยหนองคลองบึง ฉันจะนำพาเรือแพลอยลิ่วไปข้างหน้า ฉันจะแปลงกายเป็นน้ำในมหาสมุทร ร้องเพลงแห่งเกลียวคลื่น ฉันจะแปลงกายเป็นน้ำประปา ให้ประชาดื่มกินและซักล้างสิ่งสกปรก ฉันจะแปลงกายเป็นไอน้ำ ผลักดันเครื่องจักรไอน้ำทำงาน ฯลฯ ฉันไม่ชอบนอนนิ่งๆ อยู่ในที่แคบๆ แบบนี้ "

          ฟ้ามืดแล้ว อากาศเริ่มหนาวเย็น ลมหนาวขับขานลำนำเพลงแห่งเสรีภาพอยู่นอกหน้าต่าง

          สรรพสิ่งภายในห้องเริ่มสั่นสะท้าน

          ภายใต้ความเย็นเยียบของอากาศ น้ำเริ่มกลายสภาพ ร่างของมันขยายใหญ่และกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง มันใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งกระแทกผนังรอบๆ ในที่สุดแจกันใบนั้นก็แตกออกเป็นเสียงๆ

          น้ำพาตัวเองหลุดออกมาจากกำแพง ซึ่งก็คือแจกันที่กักขังมันไว้

          วันรุ่งขึ้น แสงแดดสาดส่ิอง น้ำแข็งค่อยๆ ละลาย ครู่เดียว น้ำก็กลายเป็นไอน้ำ บินหนีออกจากห้องหนังสือไปอย่างร่าเริง น้ำกลายเป็นเมฆ กลายเป็นฝน กลายเป็นน้ำในแม่น้ำ และไหลลงสู่มหาสมุทร

          ในที่สุด ความหวังของน้ำก็เป็นจริง

แง่คิด

         น้ำเป็นของเหลวที่อ่อนนิ่ม แต่เมื่อมีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ น้ำที่อ่อนปวกเปียกก็แปรสภาพกลายเป็นของแข็งที่ทรงพลังได้ มันสามารถพิชิตอุปสรรคทั้งปวง แม้แต่ผนังเล็กๆ อย่างแจกันก็ต้านแรงดันน้ำไม่อยู่

         ชีวิตไร้ซึ่งอิสระเสรี และมิได้สร้างสรรค์ประโยชน์สุขอันใดแก่สังคม เป็นชีวิตที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย สำหรับคนที่รู้จกคิดย่อมทนไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่ไปวันๆ แม้ชีวิตเช่นนั้นจะสุขสบายเพียงใดก็ตาม






By หลี่มิ่งโจว
Translated by รัถยา  สารธรรม ( มังกรสอนศิษย์ )

         

No comments:

Post a Comment