Tuesday, November 13, 2012

ขุนช้าง - ขุนแผน " แว่นใหม่ที่ใส่มอง " ( ตอนที่ 4 )

ขุนช้าง - ขุนแผน " แว่นใหม่ที่ใส่มอง " ( ตอนที่ 4 )

          วิถีวิสัยในด้านลบของขุนแผนที่แล่นโลดโดดเด่น แต่ไม่ไคร่มีใครใฝ่เห็นนัก คือการเป็นนักรักซึ่งแย่เอามากๆ หากแต่เรามักเมินการณ์ไป

          ในบรรดา 5 เมียของขุนแผนนั้น ทุกคนโดนมนต์เทพรัญจวนหมด ( บางบทบางคนด้นว่า คาถามหาละลวย ) แล้วตามด้วยการชื่นชมสมสนิทคิดว่าเป็นยอดเสน่ห์แห่งยอดชาย แม้แต่บางรายจะบอกขานขุนแผนมีคารมหวานพกติดปากอยู่เป็นอาวุธคู่บุญ

          แต่ภาพของขุนแผนที่อ่านทีไร แกเล่นใช้มนต์ออกเป่ากรอกหูทุกครั้ง ยังไงๆ ก็ถือว่าได้หญิงมาด้วยฤทธีหาใช่ฝีมือไม่ ทั้งความจริงใจอันจะใช้ผูกตรึงเห็นมีเพียงกึ่งๆ มิเต็มจิต

          วันทองถึงคิดถึงขุนช้างทุกครั้งที่มีเรื่องร้ายแรง ความรักแห่งสายทองที่มีต่อขุนแผนกลับดูแกนๆ พิกล หรือมนต์ที่บัวคลี่ถูกก็มิได้ผูกได้เที่ยงแท้เหนือความเป็นแม่และพ่อ ฯลฯ

          ข้อบกพร่องสิ่งนี้มีต้นเค้ามาจากเหล่ากวีเหมือนที่แย้มไว้ก่อนหน้า เพราะดีแต่ใช้ลีลากลอน ทว่าหย่อนเชิงชั้นแง่การสรรคำนำเสนอหลายส่วน



          ขุนแผนจึงเป็นตัวเองที่ด้วนๆ ดาดๆ ขาดเสน่ห์ยิ่งนัก

          ขอพักบทบาทเขาเอาไว้ชั่วครู่ หันมาดูตัวคู่ขนานซึ่งกวีจงใจให้คนอ่านเกลียดชังตั้งแต่แรกวาง คือ

          ขุนช้าง

          ผู้ที่แสดงความรังเกียจเดียดฉันท์นอกหน้าคือมารดา ( นางเทพทอง ) เป็นตัวนำร่อง ทั้งที่เป็นท้องแรก ฟังนางแหกปากด่าทอดู

ทุดลูกบัดสีเหมือนผีปั้น
หัวล้านในครรภ์ดังวงเดือน
เสียแรงอุ้มท้องประคองมา
ชกโคตรแม่อ้ายหมาขี้เรื้อนเปื้อน
เลี้ยงมันไว้ใยอายเพื่อนเรือน
หัวเหมือนโคตรข้างไหนให้เกิดมา

          ลองแม่แท้ๆ ยังรังแคร้งคัดเพียงนี้ แล้วจะหาความเมตตาปรานีจากที่ไหน เมื่อเปิดเรื่องให้เป็นจำอวดผู้ปวดร้าว ก้าวย่างของขุนช้างทุกบทเลยถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้นแถมผลักดันให้เป็นตัวรองขุนแผนทุกขบวนทุกถ้วนท่า อดทนอ่านวาทีที่กวีเขาวาดบทบาทขุนช้างอีกสักครั้งเป็นไร

สวดมนต์ฉันเสร็จสำเร็จแล้ว
ฝ่ายข้างพลายแก้วอุตริว่า
เราเล่นเป็นผัวเมียกันเถิดรา
ขุนช้างร้องว่าข้าชอบใจ

นางพิมด่าไปอ้ายนอกคอก
รูปชั่วหัวถลอกกูหาเล่นไม่
พลายแก้วว่าเล่นเถิดเป็นไร
ให้ขุนช้างนั้นไซร้เป็นผัวพลาง

ตัวข้าจะย่องเข้าไปหา
จะไปลักเจ้ามาเสียจากข้าง
ทั้งสองรบเร้าเฝ้าชวนนาง
จึงหักใบไม้วางต่างเตียงนอน

นางฉลาดกวาดทรายกลายเป็นเรือน
พูนขึ้นกล่นเกลื่อนดังฟูกหมอน
นางพิมนอนกลางดินดอน
เจ้าขุนช้างหัวกล้อนเข้านอนเคียง

พลายแก้วโดดแหวกเข้าแทรกกลาง
ชกหัวขุนช้างที่กลางเกลี้ยง
ขุนช้างทำหลับอยู่บนเตียง
นางพิมนอนเคียงเฝ้าเมียงมอง

นางพิมด่าอ้ายตายโหง
พวกอ้ายโล้งโต้งกูไม่เล่นได้
อ้ายหัวล้านขี้ถังมันจังไร
แล้วพาฝูงข้าไทไปเรือนพลัน

          เห็นกันชัดเจนว่าเด็กอายุ 5 - 6 ขวบมาเล่นกินรวบเป็นผัวเมียแถมปากเสียด่ากันพัลวัน อะไรจะขนาดนั้นเชียว แต่หมู่กวีก็แก้เกี้ยวเอาไว้ว่า

ท่านผู้ฟังทั้งสิ้นอย่ากินแหนง
จะประดิษฐ์คิดแต่งก็หาไม่
เด็กอุตริเล่นหากเป็นไป
เทวฑูตดลใจให้ประจักษ์ตา

เด็กเล่นสิ่งไรก็ไม่ผิด
ทุจริตก็เป็นเหมือนปากว่า
อันคดีมีแต่โบราณมา
ตำรานี้มีอยู่ในสุพรรณ

          ต้องติงกันอีกนิด อย่าไปคิดโทษเทวฑูตบ้าบอหรือไม่ก้อข้อคดีที่สุพรรณเลย เอ่ยอ้างไปก็ไร้เหตุผล เมื่อเอาวัฒนธรรมต้นรัตนโกสินทร์ไปยัดใส่แผ่นดินอยุทธยาได้ไฉนกับการแก้ไขให้การละเล่นของเด็กมิให้เกินเด็กน่ะเรื่องเล็กกว่าพะเรอเกวียน

          อยู่ที่จะกล้าเปลี่ยนกล้าเขียนหรือเปล่าเท่านั้นเอง

          มาเพ่งที่วิถีทางของขุนช้างต่อดีกว่า

          ขุนช้างเติบโตมาพ่อแม่มีฐานะร่ำรวยกระทันหัน ( แม้กระนั้นผู้เป็นมารดาก็เฝ้าด่าเฝ้าระอาเอือมไม่เสื่อมคลาย ส่วนพ่อ ( ขุนศรีวิชัยก็พาไปถวายตัวกับพระพันวสาเพราะปราถนาจะให้เป็นมหาดเล็ก แต่ด้วยวัยเด็กพระพันวสาจึงโปรดฯ ให้มาเมื่อตอนโต )

         ไม่นานขุนศรีวิชัยก็ถูกโจรฆ่าตาย ขุนช้างกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแต่เยาว์ ( เรื่องยิ่งผนวกเอาพลายแก้ว นางพิมให้กำพร้าบิดาด้วยใกล้ๆ กัน ) จากนั้นความรวบรัดตัดตอนให้ขุนช้างเป็นหนุ่มตกพุ่มม่ายเพราะเมียตายเร็ว ( นางแก่นแก้ว ) เมื่อพลายแก้วบวชเณรมาอยู่วัดป่าเลย์ไลยขุนช้างก็ไปฟังเทศน์ พบนางพิมทั้งยังได้เปลื้องผ้าบูชากัณฑ์เทศน์เคียงข้างนางพิม ครั้นกลับก็ปิ้มครวญถึงนวลน้องเจียนปางตาย เรื่อยไปจนให้แม่ไปสู่ขอ ( แต่แม่ไม่ยอม ) และเลยเถิดถึงแอบดูนางพิมอาบน้ำจนถึงเข้าหานางศรีประจัน ( แม่นางพิม ) เพื่อขอลูกสาวเป็นภรรยา และนางศรีประจันมีทีท่าละโมบทรัพย์ ขณะที่นางพิมกลับออกปากด่าไล่

          ไปๆ มาๆ เป็นอันว่าขุนแผนได้แต่งงานกับนางพิม พอดีมีทัพทางเหนือรุกตีหัวเมือง ขุนช้างได้ทีจึงทูลกับพระพันวสาว่าพลายแก้วมีฝีมือรบพุ่งดี ( เพราะมีแผนจะเครมนางพิมนั่นเอง )

          ขุนช้างวางหมากหลายชั้นจนนางศรีประจันยกนางวันทอง ( เปลี่ยนชื่อใหม่ ) ให้ขุนช้างสำเร็จ แล้วมีเหตุการณ์พ้องกับด้านขุนแผนมาตลอดสอดไส้กันไปมากระทั่งถึงวาระของนางวันทองที่จะต้องถูกตัดหัว

          ขุนช้างคนชั่วช้าตามสายตาคนทั่วไปก็จบบทลงในกลอนท่อนสุดท้ายของเขาดังนี้ ( หลังจากที่ปรับความเข้าใจกับพระไวยฯ และขุนแผนแล้ว )

ขุนช้างได้ไตรแล้วปลงผม
มือประณมอุ้มไตรเข้าไปหา
ปากว่าตาพองร้องอุกา
งันงกตกประหม่าอยู่พร่ำพรู

แต่เวียนปนเปื้อนจำไม่ได้
พ่อบอกให้ฉันเถิดหลวงตาหนู
ฉันไม่เคยอุกาตาเอ็นดู
ไตรชูบังหน้าว่าตามไป

จบแล้วห่มดองครองผ้า
รับศีลออกมาหาช้าไม่
นอนค้างอยู่กุฏิที่วัดตะไกร
ครบสามคืนสึกไปเมืองสุพรรณ

          หันมาดูวิถีวิสัยในตัวขุนช้างบ้าง  

          ขุนช้างหน้าตาน่าสังเวช ขนาดสมเด็จพระพันวสาราชาผู้ควรมีอุเบกขาเห็นหน้ายังหัวร่อร่า ตามหลักจิตวิทยาขุนช้างน่าจะเป็นเด็กดีประหม่าอายไม่ก็เก็บกด ทว่าบทบาทกลับผิดคาดเพราะสามารถทำกิริยาน่าเกลียดได้หลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังโกหกพกลมคล่องแคล่ว คบเพื่อนแล้วก็ทรยศอยู่ร่ำไป และมีความไคร่จนล้นอกดังจะเป็นจกเปรตอันเป็นเหตุกำหนดมาบดบังความดีที่พอมีอยู่ให้หรุบหรู่อย่างน่าเสียดาย

          เพราะผู้ชายอย่างขุนช้างขุนแผนผู้มีแต่กามโลกีย์ยึดกับวันทองสถานเดียว มิเคยแลเหลียวมองถึงซึ่งคุณความดีเบื้องแรก ( มาสติแตกคิดได้ก็ตอนตายไปแล้ว )

          ไม่แคล้วที่จะตราหน้าว่าเพราะ 2 ผัว 2 ชั่วโฉด นางวันทองถึงต้องโทษประหารโดยแท้





By คมทวน  คันธนู ( วรรณวิพากษ์ )

No comments:

Post a Comment