Friday, November 09, 2012

ขุนช้าง - ขุนแผน " แว่นใหม่ที่ใส่มอง " ( ตอนที่ 2 )

ขุนช้าง - ขุนแผน " แว่นใหม่ที่ใส่มอง " ( ตอนที่ 2 )

          พลายแก้วหรือขุนแผนบวชเณรเมื่ออายุ 15 แต่ทำเป็นดังมีกามารมณ์จัดจ้าน พูดจาวานให้สายทองเป็นแม่สื่อ พูดตื้อแยบคายให้ตายใจว่าตนเองมีความเสน่หาสานทองด้วย ถ้าช่วยทำให้ได้พิมพิลาไลยก็จะไม่ทอดทิ้งสายทอง ลองเจอเข้าลูกนี้แม้จะแก่ครพี่แต่อิสตรีอย่างสายทองก็ต้องคำต้องกล ( ไม่รู้ว่าคนผูกเรื่องจะเอาแก่นกามารมณ์มาเป็นปมเดินเรื่องแต่แรกเริ่ม เหมือนจะสร้างความเคลิบเคลิ้มแก่คนอ่านตัวละครเลยริกร่านไปหมด จนลืมถึงกฏข้อเท็จริงแห่งเพศหญิงเพศชายหลายประเด็น และลืมว่าความเป็นคนโบราณที่หวังจะเห็นลูกหลานเติบใหญ่มีวิสัยสงบเสงี่ยม )

           เมื่อตัวละครเอกผูกด้วยกามเรื่องผูกตามจึงต้องมีกามรองรับแรกพบกันกับขุนแผน นางพิมก็ถูกจับแขนจับนมเปลื้งผ้าห่มในไร่ฝ้ายแถมถูกนัดหมายว่าจะเข้าหาถึงห้องนอน

           พอตอนดึกนางพิมก็คะนึงนึกถึงทิดแก้ว ( สึกแล้วหนึ่งวัน ) พลายแก้วเองคืนนั้นก็ได้เสียเป็นเมียผัวกับนางพิม ผู้ลิ้มชิมลางการมีระดูไม่ถึงหนึ่งหรือสองปีเลยดีเลย

           จะเอ่ยโทษใครไม่ได้ต้องโทษผู้ชายไทยและผู้ใหญ่ผู้แต่งเรื่อง



           ครั้นเปลื้องกำหนัดเสร็จพลายแก้วก็ระเห็จกลับวัดนมัสการชีต้นขอเป็นคนห่มจีวรอีกครั้ง

           ทำยังกะพระเณรเดรถีย์สมัยนี้ไม่มีผิด ! 

           เรามาดูจิตกระสันของเณรแก้วกันต่อไปว่าเหตุไฉนจึงลามกนักหนา อีก 2 - 3 วันต่อมาสายทองมาวัดป่าเลไลย์เพื่อถามไถ่ข่าวคราวของเณรแก้ว พอปะหน้าแล้วเณรแก้วก็เป่ามนต์จนสายทองหลงไหล เณรแก้วจึงไดโอกาสกอดกระหวัดสายทองจับต้องสองเต้าคลึงเคล้าสนุกมือมีหรือที่สมภารจะไม่รู้ จึงจู่มาไล่ตีเณรบ้ากามพัลวัน

           แทนที่จะหวั่นวิตก ในหัวอกของเณรจอมราคะกลับคะนึงว่าวิชาอาคมที่นี่ไม่มีให้กูเก่งขึ้นแน่ เลยหนีมาอยู่วัดแคที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องอาคมเจตนารมณ์ก็คือ หวังจะให้ฝีมือแก่กล้ากำบังกายป้องกันอันตรายจากความเลวร้ายที่ได้ทำเป็นหลัก

           อยู่ได้ไม่นานนักก็ต้องกอีกครา คราวนี้หลีกเลี่ยงไม่พ้นเพราะความใคร่ล้นทรวง ด้วยขุนช้างจะช่วงชิงนางพิมไปแต่งงาน สึกแล้วก็ลอบขึ้นบ้านซ่อนในห้องของสายทองก่อนจะขึ้นห้องพิม พอเชยชิมอิ่มหนำเจ้าตัวดำกฤษณาก็ชักพาให้ทิดแก้วแจวเข้าห้องสายทอง ( ย่องตอนนางพิมพหลับ )

           ก่อนจะลำดับความตามเนื้อหา ขอให้ดูว่าช่วงนี้มีรายละเอียดอันผิดพลาดฉกาจฉกรรณ์ ทั้งคนดั้นกลอนและผู้ชำระกลอน ดังนี้

           วันเกิดขุนแผนระบุไว้คือ

ฝ่ายตะแกเป็นหมอดู
คิดเลขคูณอยู่ให้หลานชาย
ปีขาลวันอังคารเดือนห้า
ตากฟากเวลาสามชั้นฉาย

            ในคำบรรยายของสมเด็จกรมพระยาดำรงก็ทรงรับรองอยู่ และดูเหมือนว่าเวลาเกิดจะใกล้ขุนช้างกับนางพิมพิลาไล อ่อนแก่กันไม่กี่เดือน ครั้นตอนขึ้นเรือนหานางพิมนั้นพรรณนาว่า ขุนแผนอายุแก่กว่านางพิมสองปี แล้วมิหนำถ้อยคำระบุปีเกิดนางพิมเป็นปีชวด ดงนั้นขุนแผนก็ต้องเกิดปีจอเพราะบ่งสายทองเกิดปีมะเมีย ดูจากคำกลอนตอนนางพิมฉะอ้อนออก

ฉันหรือปีชวดนะหม่อมพี่
สิบหกปีปีนี้พึ่งปริ่มปริม
ขุนแผนหรือพลายแก้วจึงสวนขึ้น
อ่อนกว่าพี่สองปีเจียวนะพิม
เจ้าเนื้อนิ่มายทองแกปีไร
นางพิมพิลาไลตอบไปว่า
พี่สายทองปีมะเมียค่ะหม่อพี่
ได้ยี่สิบสองปีฉันจำได้

            ครั้นนางพิมหลับใหลแล้ว นายทิดแก้วก็ย่องเข้าห้องสายทอง ( ซึ่งยอมให้รองรับอยู่บนที่นอน ) ช่วงนี้จะเห็นความไม่มีสัจจะของพระเอก ชื่อขุนแผนที่สร้างความเคืองแค้นให้นางพิมไม่รู้จบสิ้น แม้แต่แผ่นดินยุคทาสยุคศักดินาจะไม่ถือเรื่องผู้ชายหลายเมียนักก็ตาม

            พลิกปูมวัยเด็กเล็กของพลายแก้ว มีแนวหนึ่งซึ่งพอยกขอกล่าวอ้างได้ว่าพลายแก้วกำพร้าพ่อมาแต่เบื้องต้น จึงต้องดิ้นรนเรียนวิทยาอาคมเพื่อเป็นทหารตามอย่างโบราณประเพณี และหวังที่จะกู้หน้าแทนบิดาที่พระพันวสาสั่งประหารชีวิต มีข้อน่าสะกิดใจว่าขุนแผนฝักใฝ่กามาเพราะว่าถูกผูกแต่งถึงครั้งอายุเยาว์ว่าเล่นหัวกับขุนช้างและนางพิม ขยิกขยิ่มเล่นแต่การเป็นผัวเป็นเมียอ่านแล้วก็เพลียจิต เด็ก 4 - 5 ขวบจะมีความคิดอย่างนี้ได้ทีใหน

             ถ้าไม่ใช่โดนจับยัด โดยอัตตาของบรรดากวีที่แต่งจัดแจงทั้งเพ ( อย่าฉงนสนเท่ห์ที่ผมย้ำประเด็นตรงนี้ )

             ครานี้เราลองดูเชิงกวีรสในบทอัศจรรย์อันเป็นตัวบอกกามลีลาของใครว่าเป็นเช่นไร ดัง

ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยน้อย
ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง
ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา

พายุหนักชักใบได้ครึ่งรอก
แต่เกลือกกลอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา
ทอดสมอรอห้วยเป็นหลายครา
เภตราหยุดแล่นเป็นคราวคราว

สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น
ไม่มีคลื่นแต่ระลอกกระฉอกฉาว
ประสายทองดุจต้องพายุว่าว
พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไป

            คนเขียนตั้งใจจะบอกลีลาของสายทองคล่องและดุเด็ดดีกว่าพิมพิลาไล ( มิใช่ขุนแผนล่มปากอ่าว ) เพราะใครจะวิ่งเร็วเท่าไหนถ้าลองได้วิ่งเหนื่อยมาก่อนก็จะผ่อนช้าโดยอัตโนมัติ แต่ก็จัดว่าเร็วดีอยู่ดี ฉะนี้ขุนแผนนั้นอาจทานความแคล่วคล่องจัดการงัดกลเม็ดเพชรพราวของสาวเชิงสูงอย่างสายทองได้ไม่นานนัก ทว่าสิ่งที่ประจักษ์ตาว่าขุนแผนแสนกระจอกนั้น... แต่จะขึ้นสวรรค์กับผู้หญิงใยต้องอิงมนตรามากำกับทุกครั้งดังคนขาดความมั่นใจยังไงยังงั้น

            ( อดทนกันต่อเพราะบทบาทขุนแผนยังไม่จบจากนั้นตลบวิเคราะห์ว่าด้วยจิตวิทยาของขุนแผนตามแผนภูมิของชีวิตของเขา )

            จากนั้นพระเอกของเราก็แต่งเหย้าแต่งงานกับนางพิม กระทั่งพลายแก้วถูกพระพันวาสเกณฑ์เป็นแม่ทัพรบศึกเชี้ยงใหม่ ( ระยะข้าวใหม่ปลามันด้วย ) แล้วขุนแผนก็ช่วยตีทัพเชียงใหม่แตกยับพร้อมกับได้สาวนามลาวทองมาเป็นเมียอีกคน ( ใช้มนต์ร่ายนำชื่อเทพรัญจวนตามเคย )

            ฝ่ายนางพิมพาลตรอมใจที่พลายแก้วไปทัพถึงกับต้องเปลี่ยนนามเป็นวันทอง ทางขุนช้างเองที่แอบปองมานานจึงคิดอ่านใช้อุบายลวงว่าพลายแก้วตายแล้วคาสนามรบ ทั้งยังประจบนางศรีประจัน ( แม่วันทอง ) จนได้เข้าห้องหอสมดังใจหมาย

            พลายแก้วกลับมา พระพันวสาทรงตั้งเป็นขุนแผน เมื่อมาแดนสุพรรณจะเอาวันทองไป เรื่องลุกลามใหญ่โตเพราะความเข้าใจผิดด้วยฤทธิ์หึงหวง ขุนแผนจึงหักทรวงหักด่านกลับกาญจนบุรี ทำทีทำท่าว่าจะตัดขาดวันทองได้... ในที่สุดขุนช้างก็ได้นางวันทองสำเร็จกาม

            ผ่านมาได้ 2 - 3 วันขุนแผนพลันคิดถึงวันทอง จึงล่องมาขึ้นหอขุนช้าง มัดนางวันทองกับผัวใหม่แล้วหาคนกลางมาสะสางเสียเทเสียจากนั้นก็เขี่ยวันทองทิ้งอีกครา กลับยังเหย้าเยือนเมืองกาญน์ด้วยอารมณ์พลุ้งพล่านเต็มดวงจิตไม่ได้คิดสักนิดว่าตัวเองคว้าเมียมาแล้วถึง 3 ราย นี่แหละลูกผู้ชาย ( ไทย ) ไม่ว่าสมัยไหนสมัยนั้น ความคิดดึกดำบรรพ์เหลือเกิน เหลือเกิน เกินอยาก






By คมทวน  คันธนู ( วรรณวิพากษ์ )
         

No comments:

Post a Comment