Sunday, November 25, 2012

ขุนช้าง - ขุนแผน " แว่นใหม่ที่ใส่มอง " ( ตอนที่ 5 )

ขุนช้าง - ขุนแผน " แว่นใหม่ที่ใส่มอง " ( ตอนที่ 5 )

          แต่ขุนช้างถูกทางกลุ่มกวีสำเร็จโทษ ที่แย่เอามากๆ ตั้งแต่ฉากแรกจนถึงฉากสุดท้าย ขุนช้างตามสายตา ( ของพวกเขา ) โดนกำหนดเอาเป็นคนสัปดนลามก ทำตลกหน้าด้านๆ และมีสันดานกลอกกลิ้ง ซึ่ง 3 สิ่งนี้จะมีควบทุกครั้งเมื่อขุนช้างโผล่หน้าปรกฏ ความโฉดตื้นๆ ถึงทะมึนขึ้นาบังบดความโฉดลึกๆ ของขุนแผนไว้เสียสิ้น เมื่อทำจนชินตาชินหูตามกวีผู้รจนาว่าไว้ ขอให้นึกทบทวนเอา เพราะเขาจะบอกย้ำว่า " ขุนช้างคางเคราไอ้เจ้าเล่ห์ " ทุกคราวไปในขณะที่เขาจะเรียกขุนแผนว่า " ขุนแผนแสนสุภาพ " ไม่ก้อ " ขุนแผนแสนศักดา " ทุกคราไปเช่นกัน

          ยิ่งมีนางวันทองเข้ามาเกี่ยวข้อง กวีจะลากเลี้ยวให้ขุนช้างคลั่งกามใส่แล้วให้วันทองด่าหยาบๆ คายๆ กลายเป็นเสภาฮาเฮ ดูเหมือนว่ายิ่งเทบทโหดมันฮามายังขุนช้างเท่าไหร่ ยิ่งเห็นความจงใจจงชังขุนช้างแห่งพวกเขา ( กวี ) มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

           ขุนช้างจึงชั่วเพราะบทส่ง มิใช่จากพิษสงใดๆ ที่ไหนเลย อ่านคำเปรียบเปรยของพวกเขาเป็นทำเนา เอาเทอญ

ขุนช้างถูกจำตรวนถ้วนสามชั้น
เคยย่างยาวก้าวสิ้นก็ล้มปุก
ผู้คุมรุมไล่ก็ไม่ลุก
ทำเป็นจุกเจ็บท้องร้องอื้ออึง

ทำมะรงโกรธาคว้ามัดหวาย
ป่ายลงทั้งกำดังต้ำผึง
ตีซ้ำคว่ำหงายตายช่างมึง
ผิดก็เสียเฟื้องหนึ่งบอกศาลา

ขุนช้างเข้าใจเขาไม่ฟัง
ลุกขึ้นตึงตังทำเป็นบ้า
อ้าปากแลบลิ้นทำปิ้นตา
แก้ผ้านุ่งทิ้งวิ่งโทงเทง

หยิบเอาก้อนขี้หมาไล่ปาคน
เอาหัวชนเสาเล่นเต้นเหยงเหยง
ลากตรวนโกรกกรากปากร้องเพลง
คนดูอัดวัดเป้งเข้าด้วยคา


            ตอนนี้เป็นตอนที่ขุนช้างแพ้ความแก่พรไวย โดนสั่งให้จำคุกรอการประหารชีวิตจึงแกล้งเสียจริตโดนสี่ผู้คุมคุมมา ถูกจำครบห้าประการระหว่างเดินคือ

             - ประการหนึ่งตีตรวนสองข้างรอบข้อเท้า

             - ประการที่สองใส่คาที่มือด้วยการใช้ไม้ไผ่เจาะรูสองรูแล้วสอดมือเข้าตรงรูทั้งสอง โดยจะมีสลักตอกตรงกลางระหว่างรูป้องกันมิให้ยื่นมือออกมาได้

             - ประการสามใส่พวงคอโดยการใช้เหล็กขดรอบคอแล้วเอาโซ่ล่ามไว้

             - ประการสี่เอาคอใส่ขื่อด้วยการใช้ไม้ยาวชนาบลำคอสองด้านแล้ว เอาเชือกมัดไว้

            - ประการห้า นำโซ่มาล่ามพวงคออีกชั้นหนึ่ง ( แต่ขุนช้างโดนล่ามถึงสามชั้นคือนอกจากพวงคอแล้วน่าจะล่ามซ้อนขื่อและคาเข้าไปอีก )

             การโดนจำครบทั้ง 5 ประการนี้ถือว่าเป็นโทษที่อุกฉกรรจ์จากเดินเหินลำบาก มือเท้าและทุกอวัยวะแทบจะกระดิกกระเดี้ยมิได้ขุนแผนเมื่อครั้งถูกขังในคุกถูกจำครบห้าประการยังพรรณนาว่า

ครั้นยามดึกกำดัดสงัดนอน
พระจันทรแจ่มกระจ่างสว่างไสว
ขุนแผนแสนโศกวิโยคใจ
เขาร้อยไว้ตัวติดทั้งขื่อคา

โซ่ตรวนถ้วนครบห้าประการ
ทรมานมึนเมื่อยเป็นหนักหนา
จะพลิกตัวตึงทั่วทั้งกายา
ยิ่งนานยิ่งระอารัอิดใจ

โอ้ว่าคนโทษทั้งปวงเอ๋ย
กระไรเลยทนทานทั้งปีได้
อันตัวกูจะอยู่ให้จองภัย
เป็นว่าไม่ต้องการจะทานทน

            ขนาดขุนแผนแสนศักดายังทนทรมาไม่ได้ แล้วกระไรกวีขี้เล่นยังเกณฑ์ให้ขุนช้างทั้งหยิบขี้หมามาปาใส่คนดู ทั้งยังอุตส่าห์กระตุกผ้าโจงกระเบนได้ล่อนจ้อน โดนล่ามเป็นหมูตอนถูกต้อนเข้าโรงฆ่า จะมีปัญญายื่นมือออกมาจากขื่อได้ที่ไหน

           ไม่ตลกเกินไปหน่อยหรือ
            ขอให้ลองอ่านอีกยก

ควักเอามุหน่ายขึ้นป้ายปีก
ฉีกผมปกกบาลให้ล้านหาย
ยังโล่งเลี่ยนเตียนกลางอย่างแปลงควาย
หัวกูฉิบหายน่าอายใจ... และ

นิ้วนางแหวนประดับทับทิม
เอ๊ะทีนี้นางพิมปิ้มสำเร็จ
แหวนเครื่องของบิดายอดห้าเม็ด
ชาวสุพรรณมันเข็ดว่ามั่งมี

เดินย่องไปส่องกระจกใหญ่
ทุดหัวจังไรเหมือนล่องขี้...

           กวีผู้รจนาไฉนหนาถึงใจร้ายให้ขุนช้างช่างปากจัดจ้านด่ากบาลตนเอง เป็นที่ครื้นเครงแก่คนขับกับคนฟังได้ยวดยิ่ง

           เพราะความจริงแล้วใครที่มีใบหน้าสุดแสนจะอัปลักษณ์เขาก็ย่อมยอมรักและยอมรับตัวของเขา

            ขุนช้างเลยมีเค้าโครงเป็นทั้งตัวโกงตัวตลกเสร็จสรรพ แต่ถ้าจับทางด้านไหนไม่ว่าจิตวิทยาวิเคราะห์ ไม่ก้ออาชญวิทยาหรือพันธุกรรมไม่มีมูลสำคัญเลยแม้แต่น้อยที่จะปล่อยบทบาทอุจาดใจให้ขุนช้าง เพราะคนอย่างนี้ ( มีแรงจูงใจแต่วัยเยาว์ ) มิน่าจะเลวแค่ระดับขุนช้างเพราะสามารถขยายวงกว้างถึงระดับหัวหน้าโจร ไม่ใช่โดนคนโน้นคนนี้ด่าแล้วแกล้งทำพูดวาจาตลกเลอะเทอะพล่ามพูดสามง่ามสองแง่ตลอดศก

            โลกและเวทีที่ขุนช้างยืนจึงตื้นแคบและตื้นเขินเกินพิกัดการยัดเยียดได้

            ขอให้ดูบทบาทตัวละครซึ่งซ้อนแทรกเข้ามาคือ

            พระพันวสา

            ถ้าอ่านอย่างคิดเป็นหลายคนอาจเห็นว่าสมเด็จพระพันวสาเป็นองค์ขัตติยาที่เหมือนคนอย่ในวังวนแห่งอำนาจเสียเคยตัว นึกอยากะสั่งตัดหัวใครก็ตัดและเป็นกษัตรย์ต้นแบบที่กษัตรย์จะมีเคืองโกรธง่าย หายไว ชอบใจใครก็ให้ยศ ลงโทษใครก็ให้ปลดทันควัน ทว่าบทบาทที่สำคัญซึ่งมวลกวีอาจคาดไม่ถึงคือการถือบทไม่เต็มเต็ง พูดเองเออเองและไม่เคร่งในกฏแห่งทศพิธราชธรรม

            ทำให้พระพันวสาเป็นจำอวดยิ่งกว่าขุนช้างเสียอีก ตามเนื้อหาสมเด็จพระพันวสามีบทบาทไม่มากมายแต่เป็นขุมข่ายส่งสายออกไปจากศูนย์กลางและบทบาททีค่อนข้างแย่ได้แก่การเกรี้ยวกริ้วทรงชี้นิ้วสั่งตัดหัววันทองโดยมิตรึกตรองและสำแดงการอยู่เหนือเพศชายได้มิมีตำหนิ

          พินิจดูทีละช่วง

อีวันทองตัวมันเหมือนรากแก้ว
ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว
ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว
ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้

เฮ้ยอีวันทองว่ากระไร
มึงตั้งใจปลดปลงให้ตรงที่
อย่าพะวังกังขาเป็นราคี
เพราะมึงมีผัวสองกูต้องแค้น

ถ้ารักใหม่ก็ไปอยู่กับอ้ายช้าง
ถ้ารักเก่าเข้าข้างอ้ายขุนแผน
อย่าเวียนวนไปให้คนหมิ่นแคลน
ถ้าแม้นมึงรักไหนให้ว่ามา...

          วันทองได้แต่อ้ำอึ้ง จึงทรงย้ำ

...หรือมึงไม่รักใครให้ว่ามา

จะรักชู้ชังผัวมึงกลัวอาย
จะอยู่ด้วยลูกชายก็ไม่ว่า
ตามใจกูจะให้ดังวาจา
เบื้องหน้าแต่นี้เดดขาดไป

              วันทองยังคงตระหนกแต่ก็ได้ตระหนักว่าควรกราบทูลเป็นกลางๆ ว่าขุนช้างก็ดีแสนขุนแผนแสนรัก การตระหนักของวันทองเลยพลาด พลาดเพราะราชาไม่ยอมให้ใครมาสร้างเรื่องขุ่นเคือง และบัดนั้น

ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ
ฟังจบแค้นคลั่งดั่งเพลิงไหม้
เหมือนดินประสิวติดกับเปลวไฟ
ดู๋ดูเป็นอีวันทอง

จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้
น้ำใจจะประดั่งเข้าทัง้สอง
ออกนั่นเข้านี่มีสำรอง
ยิ่งกว่าท้องทะเลอันล้ำลึก

จอกแหนแพเสาสำเภาใหญ่
จะทอดถมเท่าไหร่ไม่รู้สึก
เหมือนมหาสมุทรสุดซึ้งซึก
น้ำลึกเหลือจะหยั่งกระทั่งดิน

อิฐผาหาบมาทุ่มถม
ก็จ่อมจมสูญหายไปหมดสิ้น
อีแสนถ่อยจัญไรใจทมิฬ
ดังเพชรนิลเกิดขึ้นในอาจม

            ด่าขรมเป็นระลอก แต่บอกได้คำเดียวว่ายังไม่สาแก่ใจเท่าในระลอกสองและสามที่ตามมา

            ลุโทสาแก่กล้าได้ปานนี้ ทำลายบารมีได้ดีนักแล






By คมทวน คันธนู ( วรรณวิพากษ์ )

No comments:

Post a Comment