Wednesday, September 17, 2014

ผู้รับช่วง


ผู้รับช่วง

        ฌานาจารย์ปู้น่า และฌานาจารย์ชี่ซง เป็นสหายธรรมที่สื่อจิตถึงกันแบบฌานได้อย่างแท้จริง มีอยู่วันหนึ่ง ฌานาจารย์ชี่ซงรจนากวีสดุดีคุณงามความดีของฌานาจารย์ปู้น่า ในทำนองไว้อาลัย

        " ฉันปฏิญาณสืบทอดฌานจากท่าน

         สานต่องานตามอย่างไม่หันเห

         ท่านมุ่งธรรมแน่วแน่ไม่รวนเร

         จิตไม่เขวพักผ่อนแม้ไข้โทรม

         หมึกพู่กันกระดาษยากจดจาร

         ปัญญาญาณลึกล้ำบ่ประโคม

         กี่รายรู้ซึ้งบ้าง เหล่าญาติโยม

         ฉันมิโหมโอ่เกินหวังเยินยอ

         ท่านเมตตาดุจเมฆพริ้ว

         ละล่องลิ่วปลิวบนฟ้า

         สู่หนใดยามอำลา

         ประดับหล้าเคียงจันทร์เพ็ญ "

         เมื่อฌานาจารย์ ปู้น่า ได้รับจดหมายกวีฉบับนี้แล้ว รู้สึกซาบซึ้งตื้นตันมาก จึงจับพู่กันขึ้นมารจนากวีรำลึกสหายฌานผู้รู้ใจว่า



         " ถึงแม้กาลอำลา                   เข้าสมาธิมุ่งดับขันธ์

         ทดแทนท่านค่าสัมพันธ์         ร่วมทางธรรม์ผู้รู้ใจ

         พอเขียนเสร็จ ฝากส่งบทกวีให้ฌานาจารย์ชี่ซง ก็ทำสมาธิดับันธ์ในฌานสมาบัติไป มิตรภาพที่ให้กันได้แม้ความเป็นความตายของตนเองเช่นนี้ จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

         ต้องนับว่า นี่เป็นการล้อเล่นที่เหนือความเข้าใจของคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ บางคนคิดว่าฌานาจารย์ชี่ซงบีบคั้นให้ฌานาจารย์ปู้น่าฆ่าตัวตาย แต่ผู้บรรลุฌานเห็นความตายเป็นเรื่องเล็ก ขอเพียงหาผู้รับช่วงได้เท่านั้น ก็จะวางมือจากไปอย่างเต็มใจ ไม่ผูกมัดหวงห่วงสิ่งใดใดทางโลก แม้กระทั่งร่างกายและจิตใจของตนเอง !

         โลกทุกวันนี้ คนจำนวนไม่น้อยแม้จะได้สร้างคุณูปการแก่ประเทศชาติและสังคมส่วนรวมไว้ไม่น้อย แต่เนื่องจากลึกๆ ยังมีความเห็นแก่ตัวหลงเหลืออยู่มาก ยังหวงอำนาจตำแหน่ง ยังหวงชื่อเสียงเกียรติยศ ทำให้บุคลากรดีเด่นรุ่นหลังที่อยากลองบ้าง อยากแสดงความสามารถบ้าง ไม่มีโอกาสเงยหน้าอ้าปาก พวกที่ลุแก่อำนาจไม่ยอมลงจากเวทีอย่างสมัครใจเหล่านี้ ถึงคราวล้มจึงล้มดังและไม่มีอะไรหลงเหลือ แม้คุณงามความดีที่ได้เพียรสร้างไว้ ก็อาจถูกปฏิเสธจนหมดสิ้น มันน่าสมเพชขนาดไหน ?




By เซ็น : วิถีแห่งความสุขที่แท้

No comments:

Post a Comment