Monday, September 29, 2014
เมตตาอย่างรับผิดชอบ
เมตตาอย่างรับผิดชอบ
หวางเถียนเป็นหมอที่เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงมาก ถึงอย่างไร เขายังเห็นคนป่วยตายไปต่อหน้าต่อตาวันละหลายๆ ราย นานวันเข้า เขาก็เริ่มหวั่นไหวกับความตาย มาวันหนึ่ง เขาพบหลวงจีนภิกขาจารรูปหนึ่งจึมถามท่านว่า " ฌานคืออะไร ? " หลวงจีนตอบว่า " อาตมาไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ? แต่อาตมากล้ายืนยันว่า ถ้าบรรลุฌาน จะไม่กลัวตาย "
หวางเถียนพูดด้วยความดีอกดีใจว่า " วิเศษมาก แต่จะไปหาฌานาจารย์ได้ที่ไหนล่ะ ? " จะไปปฏิบัติธรรมแบบฌานได้ที่ไหนล่ะ ? "
หลวงจีนรูปนั้นจึงแนะนำให้ไปหาฌานาจารย์หนานอิ่น เมื่อหวางเถียนพบอาจารย์ ก็แจ้งความจำนงที่ต้องการเรียนฌานให้ทราบ ฌานาจารย์หนานอิ่นจึงแนะนำสอนสั่งว่า " ฌานเรียนไม่ยาก ในเมื่อโยมเป็นหมอก็กลับไปดูแลคนป่วยให้ดีเถิด นั่นแหละคือ ฌาน "
บทบาทของวัด
บทบาทของวัด
ประเทศในแถบตะวันออก สถานที่ที่ไม่มีชาวบ้านพักอาศัยจะมีวัดตั้งอยู่ เมืองใหญ่ในภูมิภาคตะวันตก บนถนนใหญ่สายหลักมักจะมีโบสถ์ตั้งอยู่ โบสถ์เป็นสถานที่ที่คริสต์ศาสนิกชนมาสวดมนต์พบปะชุมชนกัน ส่วนวัดก็เป็นสถานที่ที่พุทธศาสนามาไหว้พระสวดมนต์ พบปะชุมชนเช่นกัน แต่วัดยังมีบทบาทในด้านอื่นๆ อีกมากมาย
วัดสามารถใช้เป็นสถานที่พักค้างแรมแก้ผู้เดินทาง ลักษณะคล้ายๆ โรงแรม ให้ความสะดวกแก่พ่อค้านักเดินทาง วัดยังเหมือนสโมสรซึ่งสามารถใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือการประชุมองค์กรในชุมชน ส่งเสริมมนุษย์สัมพันธ์ในสังคม หรือแม้กระทั่งยามที่คุณรู้สึกจิตใจหดหู่ เศร้าหมอง หน้าที่การงานไม่ราบรื่น รู้สึกเส้นทางชีวิตไม่ราบเรียบ คุณอาจเข้าวัดไหว้พระ นั่งสมาธิสงบจิตสงบใจ ทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น ในยามนี้วัดจึงเหมือนปั้มน้ำมัน ให้คุณได้เติมพลังชีวิต เพื่อคุณจะได้เดินไปบนเส้นทางชีวิตที่ยาวไกลยิ่งขึ้น
นับแต่โบราณมา วัดเหมือนหอศิลปะ พระพุทธรูปแกะสลักภาพวาดบนฝาผนังวัด หรือแม้แต่ความงามของสิ่งปลูกสร้างของตัววัด ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกที่สงบเย็น ถ้าได้พาตัวเข้าไปอยู่ภายในบริเวณวัด ได้ฟังเสียงระฆังเสียงกลอง เสียงเคาะเกราะสวดมนต์ทุกเช้าเย็น จะช่วยให้จิตวิญญาณได้รับการชำระล้าง เป็นเครื่องช่วยกระตุ้นจิตใจ และจุดประกายความคิดเป็นแรงกำหนดใจให้คนในสังคมสร้างคุณธรรมขึ้นในจิตใจของตนเอง
ลูกก็ว่ายน้ำเก่งเหมือนพ่อ
ลูกก็ว่ายน้ำเก่งเหมือนพ่อ
นานมาแล้ว ขณะที่ชายคนหนึ่งเดินไปยังริมฝั่งน้ำ เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มลูกที่เกิดมาได้เดือนเดียวเตรียมจะเอาโยนลงไปในน้ำ
ชายผู้นั้นรีบตรงเข้าไปห้ามแล้วถามว่า " จะเอาเด็กคนนี้โยนลงไปในน้ำทำไม ? "
หญิงผู้นั้นตอบว่า " ข้าพเจ้าต้องการให้ลูกลงไปว่ายน้ำ "
" แล้วไม่กลัวว่าลูกจะจมน้ำตายหรือ ? "
" จมน้ำตาย ? " หญิงผู้นั้นพูดพร้อมกับหัวเราะ " จะต้องไปกลัวทำไมเพราะพ่อของเด็กเป็นนักว่ายน้ำ "
ชายผ่านทางผู้นั้นกล่าวว่า " พ่อว่ายน้ำเก่งก็จริง แต่ลูกของเขา เมื่อไม่ได้ผ่านการหัดว่ายน้ำมาก่อนก็จะว่ายน้ำได้กระนั้นหรือ ? "
บันทึกใน " กู่จินถานไก้ "
นกกระเรียนเสียงดัง
นกกระเรียนเสียงดัง
เสียงของผู้มีอำนาจเพียงคนเดียวที่อาจจะเป็นข้อยุติของคนทั้งหมดหรือที่ประชุมได้
By ปรัชญา " ซามูไร "
ตีสองหน้า
ตีสองหน้า
ครั้งหนึ่ง ขณะที่ฌานาจารย์ม่าจู่เต้าอี้นั่งสมาธิภาวนา เกิดไอไม่หยุด จึงขากเสลดถ่มเสมหะใส่พระพุทธรูปตามสะดวกท่าน
พระอุปัฏฐากที่นั่งอยู่ด้านข้างเกิดเห็นเข้า จึงถาม " อาจารย์ ถ่มเสมหะใส่พระพุทธรูปได้หรือ ? "
ฌานาจารย์ม่าจู่หยุดไอทันที ย้อนถามพระอุปัฏฐากว่า " ในความว่างเปล่าทุกแห่งล้วนมีธรรมกายขององค์ยูไล เจ้าลองบอกอาตมาซิว่าจะให้ถ่มเสมหะไปที่ใด ? "
คนทั่วไปกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป แต่ไม่รู้จักพระพุทธอย่างแท้จริง ธรรมกายของพระพุทธอยู่ในความว่างเปล่าทุกหนแห่ง ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะบูชาเป็นเพียงรูปสลักไม้ รูปปั้นดิน หรือรูปหล่อสัมฤทธิ์ ! การที่อาจารย์ม่าจู่ ขากเสลดถ่มเสมหะใส่พระพุทธรูป มิได้หมายความว่าท่านยโสโอหังหรือหลงละเลิงลืมตน แต่เป็นเพราะท่านได้ตระหนักอย่างแท้จริงแล้วว่าธรรมกายของพระพุทธดำรงอยู่ทุกหนแห่ง
ผลบุญมาจากที่ใด
ผลบุญมาจากที่ใด
คนบางคนในสังคมสมัยนี้ มีชีวิตที่ลำบากยากจนข้นแค้น จึงเกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรม เขานึกโทษสังคมว่าทำไมคนบางคนอยากได้เงินมีเงิน อยากได้ทองมีทอง อยากได้ความรักมีความรัก อยากได้ธุรกิจอยากได้บ้านหลังใหญ่ อยากได้ตำแหน่งหน้าที่ สามารถได้ทุกอย่างสมดังใจหมาย แต่ทำไมตนเองจึงไม่ได้อะไรสักอย่าง คนอื่นได้ผลบุญตอบสนองมาจากที่ใดกัน
เรื่องของผลบุญย่อมมีที่มาของมัน ซึ่งผลบุญของแต่ละ คนก็มีเหตุที่มาของแต่ละคน เช่น คนบางคนขยันทำงานเก็บออมตั้งแต่เล็ก บุญย่อมตอบสนองเขาในกาลต่อมา คนบางคนชอบผูกมิตรสัมพันธ์ บุญวาสนาจึงส่งตรงถึงเขาอย่างสะดวก
ผลบุญย่อมมีแหล่งที่มา ผลบุญไม่ใช่ขโมยมา ไม่ใช่แย่งชิงมา ไม่ใช่เพ้อฝันแล้วจะได้ และก็ไม่ใช่ได้มาด้วยความโกรธแค้น ภาษิตที่ว่า " การเก็บเล็กผสมน้อย หว่านพืชย่อมได้ผลตอบแทน " เป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าผลบุญตอบสนองมาจากที่ใด
คุณได้หว่านเมล็ดพันธ์แห่งบุญกุศลไว้บ้างหรือเปล่า ที่นาที่ไม่ได้หว่านเมล็ดพันธ์ จะเกิดดอกออกผลได้อย่างไร คุณเคยกระตือรือร้นเข้าร่วมงานบุญกุศล ที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่เคย... แล้วคุณจะเรียกหาผลบุญตอบสนองได้จากที่ใด
ตาบอดตกสะพาน
ตาบอดตกสะพาน
ครั้งหนึ่งมีชายตาบอดเดินข้ามสะพานไม้ที่น้ำใต้สะพานแห้งขอดแล้ว แต่ชายตาบอดผู้นั้นไม่ทราบ เขาจึงเดินข้ามสะพานอย่างระมัดระวังเต็มที่ เพราะกลัวว่าจะตกลงไปในคลอง ขณะที่เดินไปถึงกลางสะพาน เขาเกิดก้าวพลาด แต่เขาก็ยังเอามือจับราวสะพานไว้ได้และโหนตัวห้อยโตงเตงตะโกนให้คนช่วยเสียงหลง
คนที่ผ่านมาเห็นเข้าจึงร้องบอกเขาว่า
" ไม่ต้องกลัว น้ำในคลองแห้งหมดแล้ว แกรีบปล่อยมือเถอะ "
ชายตาบอดฟังแล้วก็ไม่เชื่อ ยังคงโหนต่องแต่งและร้องไห้อย่างน่าเวทนา แต่ในที่สุดเมื่อแขนของเขาล้า หมดกำลังโหนต่อไปไม่ไหว เขาก็ตกลงไปในคลอง พอเท้าเหยียบถูกดิน ชายตาบอดผู้นั้นก็ปิติยินดีมากพูดขึ้นว่า
" พุทโธ่เอ๋ย ถ้ากูรู้ว่าข้างล่างเป็นดินเสียแต่แรก กูจะไปมัวโหนให้เหนื่อยทำไม ! "
บันทึกใน " อิ้งเสียลู่ "
ความยิ่งใหญ่ที่มาจากแสงหิ่งห้อยและหิมะ
ความยิ่งใหญ่ที่มาจากแสงหิ่งห้อยและหิมะ
ความหมายในบทนี้นั้นเป็นเรื่องของมุมมอง เป็นเรื่องของการใช้ทัศนคติในทางบวกแบบมากๆ คนญี่ปุ่นเขาเชื่อกันว่า " ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องมาจากสิ่งที่ยากลำบาก หรือบางครั้งมาจากแสงแห่งความหวัง "
ความศรัทธาที่เล็กมากๆ เปรียบได้กับแสงของเจ้าหิ่งห้อยตัวน้อยความสำเร็จที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยความหนาวจับขั้วหัวใจ เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางหิมะโดยลำพังมันคุ้มค่าหรือไม่กับความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า
กลุ่มชินคอร์ป หรือ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) ที่เราเห็นยิ่งใหญ่มากในวงการธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของเมืองไทยนั้นมีชื่อเดิมว่า บริษัท ชินวัตร เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี พ.ศ. 2533 ปัจจุบันมีบริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่ ( โดยบริษัทนี้มี เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จากสิงคโปร์ ถือหุ้นอยู่อีกีหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันได้ลงทุนในหลากหลายกิจการต่างกลุ่มอุตสาหกรรมมากมาย )
แต่ที่กำลังพูดถึงก็คือ การต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเมื่อ 20 กว่าปีก่อนเขายังเป็นแค่นายตำรวจจนๆ กินเงินเดือนของทางราชการเลี้ยงดูลูก 3 คน ใช้จ่ายแบบต้องคิดทุกครั้งและมีชีวิตแบบหนี้ท่วมตัว
ในราวปี พ.ศ. 2523 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวหลายอย่างควบคู่ไปกับการรับราชการตำรวจ เช่น ค้าขายผ้าไหม ซึ่งเปิดร้านเล็กๆ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวถนนสุรวงศ์ มีพนักงานขายหน้าร้านคนเดียวที่ชื่อ พจมาน ชินวัตร และก็ต้องปิดตัวอย่างรวดเร็วเพราะไม่มีลูกค้าสนใจซื้อสินค้าเลย
Saturday, September 27, 2014
ผีเสื้อน้อย...
ผีเสื้อน้อย...
มีชายหนุ่มคนหนึ่งพบรังไหมของตัวอ่อนผีเสื้อ เขาเฝ้าจับตาความคืบหน้า จนกระทั่งได้เห็นรอยปริขนาดเล็กปรากฏที่ผิวภายนอก ชายคนนั้นจึงนั่งลงและเฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหว ของตัวอ่อนผีเสื้ออยู่นานหลายชั่วโมง เขาเห็นมันพยายาม ดื้นรนจะพ้นจากช่องเล็กๆ ของรังทีหุ้มอยู่ให้ได้ แต่เมื่อไม่สำเร็จ เจ้าตัวน้อยก็หยุดเคลื่อนไหว เหมือนจะยอมรับว่าไม่อาจขืนทำอะไรได้มากไปกว่านั้น
ชายหนุ่มคนนั้นจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดเปิดช่องรังจนกว้างพอที่ตัวอ่อนจะสามารถออกมาได้อย่างง่ายดาย ตัวอ่อนผีเสื้อจึงออกมาเผชิญโลกทั้งสภาพร่างกายบวมกลม ตรงข้ามกับปีกที่มีขนาดเล็กนิดเดียว
แต่เขาก็เฝ้าจับตามองตัวอ่อนนั้นต่อไปด้วยความหวังว่า อีกไม่ช้า... ปีกของมันจะขยายใหญ่ขึ้น และแข็งแรงพอ ที่จะพยุงร่างกายมันได้เมื่อถึงเวลาอันควร แต่เมื่อเวลาผ่านไป... กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ! ผีเสื้อน้อยต้องเดินและคลานไปมาทั้งชีวิต ด้วยสภาพร่างกายบวมกลมและปีกแห้งเล็ก ที่ไม่เคยมีโอกาสจะบินได้
สิ่งที่ชายคนนั้นเข้าใจก็คือ ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วว่า ตัวอ่อนจะเผชิญโลกได้ก็ต่อเมื่อของเหลวในร่างกายลดน้อยลงจนลำตัวมีขนาดสมดุลกับปีเท่านั้น จึงจะสามารถลอดออกจากช่องว่างขนาดเล็กของรังได้สำเร็จ... และถ้าตัวอ่อนได้ผ่านการดิ้นรนจนถึงเวลานั้นมันจึงจะเติบโต เป็นผีเสื้อที่พร้อมโบยบินจากรังได้อย่างอิสระโดยแท้
Wednesday, September 24, 2014
ความสามารถที่แท้จริง
ความสามารถที่แท้จริง
ครั้งหนึ่ง ขณะที่ฌานาจารย์ม่าจู่นั่งทำสามาธิ จู่ๆ ท่านก็ถ่มเสมหะใส่อากาศด้วยความไม่สบายใจ พระอุปัฏฐากไม่เข้าใจ จึงถามว่า " อาจารย์โมโหอะไรหรือ ? "
ฌานาจารย์ม่าจู่ตอบว่า " อาตมานั่งสมาธิภาวนาตรงนี้ ภาพขุนเขาลำน้ำ และหมื่นปรากฎการณ์ทยอยเกิดขึ้นในความว่าเปล่า น่ารำคาญนัก "
พระอุปัฎฐากถามว่า " ภาพเหล่านั้นเป็นภาพศุภนิมิต เป็นเรื่องมงคล ทำไมอาจารย์รู้สึกรำคาญ ? "
ฌานาจารย์ม่าจู่ตอบว่า " แต่อาตมาเกลียดมาก " พระอุปัฎฐากถามอย่างฉงนสนเท่ห์ว่า " นี่คือวิสัยอะไร ? "
ฌานาจารย์ม่าจู่ตอบว่า " วิสัยพระโพธิสัตว์ ! " พระอุปัฏฐากถามอย่างงงงวยว่า " วิสัยพระโพธิสัตว์เป็นอะไรที่เข้าใจยากโดยแท้ ! ? "
ฌานาจารย์ม่าจู่ตอบว่า " เพราะเจ้ายังเป็นคน ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ " พระอุปัฏฐากถามอีกว่า " วิสัยพระโพธิสัตว์มิใช่ทุติยฌาน ( ฌานที่สอง มีองค์สาม คือละวิตกวิจารเสียได้ คงอยู่แต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิกับเอกัคตา ) ดอกหรือ ? "
ฌานาจารย์ม่าจู่ตอบว่า " เพราะเจ้ามันโง่เง่ายังไม่บรรลุ ทำไมเรียกว่าทุติยฌานล่ะ ? "
ใช้ได้เกิดประโยชน์
ใช้ได้เกิดประโยชน์
ในโลกนี้ ของสิ่งใดมีคุณค่า ? คำตอบคือ ของที่ใช้ได้ สิ่งนั้นมีคุณค่า
คนที่สามารถ ย่อมเป็นคนที่ใช้ได้ คนที่ใช้ได้ก็มีคุณค่า หญ้าแห้งกองหนึ่งสามารถนำมาเป็นเชื้อเพลิงหุงหาอาหารได้ มันมีคุณค่าในการใช้ประโยชน์ คุณจึงควรถนอมมันไว้ให้ดี โต๊ะเก่าๆ ตัวหนึ่ง ถ้ามันยังใช้งานได้ คุณก็ควรดูแลรักษามันให้ดี
อาคารหลังหนึ่ง อยู่กีดขวางถนน ทำให้คนเดินทางไม่สะดวก มันจึงไม่มีคุณค่าในการใช้ประโยชน์ สมควรถูกรื้อถอน ลูกสุนัข ลูกแมว เพราะมันช่วยเาเฝ้าบ้านจับหนู ให้เราได้รับประโยชน์จากมัน เราจึงควรถนอมรักและให้อาหารมัน
การพูดจา ต้องให้คนรู้สึกว่าคำพูดนี้มีประโยชน์ต่อเขา การทำงาน ต้องให้คนรู้สึกว่าเรื่องนั้นเป็นประโญชน์ต่อสังคม เขียนบทความ ต้องให้คนอ่านแล้วได้ประโยชน์ ดังนั้น คนเราทุกคนต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้คนอื่นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าถึงจุดที่ไม่มีค่าควรแก่การใช้แล้ว ชีวิตก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป
ชีวิตยังคงดำรงอยู่ต่อไปหรือไม่ ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญอยู่ที่สามารถให้คนอื่นได้ใช้ประโยชน์ ได้แสดงศักยภาพของชีวิตหรือเปล่า ฉะนั้น คนเราควรถือโอกาสในยามที่ยังมีลมหายใจอยู่ พยายามให้คนได้ใช้ประโยชน์ เช่นเดียวกับวัวควาย ยามที่ให้คนได้ใช้ประโยชน์ ควรแบกรับภาระหนักหน่อย ทำงานให้มากหน่อย
เด็กสาวแต่งกับตาเฒ่า
เด็กสาวแต่งกับตาเฒ่า
อ้ายจื่อมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่ออี๋เยิ่น ลูกสาวอายุสองขวบน่ารักมาก อ้ายจื่อเห็นแล้วชอบใจจึงแแกปากสู่ขอหมั้นให้กับลูกชายของตน
อี้เยิ่นเพื่อนของเขาก็รู้สึกยินดีมาก ถามว่า " ลูกชายของแกเวลานี้อายุเท่าไหร่ "
" 4 ขวบ " อ้ายจื่อตอบ
" 4 ขวบ " เพื่อของเขาทวนคำ " แกจะให้ลูกสาวของข้าแต่งงานกับตาแก่อย่างนั้นหรือ ? "
อ้ายจื่อฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก
อี้เยิ่นพูดอย่างไม่พอใจว่า " แกยังทำเป็นไม่เข้าใจอยู่อีกลูกแกอายุ 4 ขวบ แต่กว่าลูกสาวของข้าตั้งเท่าตัว ถ้าลูกสาวของข้าแต่งงานอายุ 20 ลูกชายของแกก็อายุเข้าไปตั้ง 40 แล้ว ถ้าหากโอกาสไม่เหมาะ ลูกสาวข้าแต่งงานเอาตอนอายุ 25 ลูกชายแก่ก็อายุเข้าไปตั้ง 50 แล้ว นี่ไม่ใช่ให้ลูกสาวของข้าแต่งงานกับคนแก่หรอกหรือ ? "
บันทึกใน " กว่างถานจู้ "
ราชสีห์ปล่อยลูก
ราชสีห์ปล่อยลูก
การที่จะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีประสบความสำเร็จนั้นควรต้องปล่อยให้ลูกพบกับความยากลำบากบ้าง เพื่อให้เขาแข็งแกร่งขึ้นและอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง
By ปรัชญา " ซามูไร "
คนโง่อวดฉลาด
คนโง่อวดฉลาด
เอ๋อซานเป็นศิษย์ก้นกุฎิของฌานาจารย์ไป๋อินยามชรา ต่อมาท่านสร้างชื่อเสียงให้วัดมากมาย ครั้นถึงยามท่านชราบ้าง มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านพับผ้าห่มในกุฎิอยู่นั้น สาวกคนหนึ่งมาพบเข้า จึงพูดด้วยน้ำเสียงเวทนาสงสารว่า " อาจารย์อายุมากแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาก็มีไม่น้อยทำไมต้องทำงานจุกจิกประจำวันเหล่านี้ด้วยตัวเองเล่า ? "
ฌานาจารย์เอ๋อซานตอบว่า " คนแก่คนเฒ่าไม่ทำ แล้วจะให้ใครมาทำแทนเล่า ? "
ฌานาจารย์เอ๋อซานไม่ค่อยสบายใจ จึงย้อนถามว่า " โยมเข้าใจว่าการทำงานประจำวันมิใช่การบำเพ็ญเพียรงั้นหรือ ? ถ้าอย่างนั้น การที่พระพุทธเจ้าสนเข็ม ต้มยาให้ลูกศิษย์ จะอธิบายอย่างไร ? "
สาวกผู้นั้นจึงได้รู้ว่าการทำงานในชีวิตประจำวันก็เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง
คำพูดประโยคเดียว
คำพูดประโยคเดียว
ในช่วงที่กำลังเจริญวัยของแต่ละคน บางครั้งเนื่องจากคำพูดเพียงคำเดียวของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตร ทำให้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราทั้งชีวิต
ลูกศิษย์ของขงจื้อคนหนึ่งชื่อ เหยียนเซิน แม้ว่าจะฉลาด แต่ไม่ตั้งเป้าหมายของชีวิต ภายหลังเนื่องจากคำพูดของขงจื้อเพียงคำเดียวที่กล่าวว่า " เขาไม่ยอมตั้งใจเล่าเรียน ข้าฯ ก็ไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จในอนาคต " เมื่อเหยียนเซินถูกกระตุ้นด้วยวาจาเช่นนั้น ก็ปิดประตูไม่รับแขก มุ่งมั่นตั้งใจเล่าเรียน ในที่สุดได้เป็นหนึ่งในศิษย์สามพันคนของขงจื้อที่ประสบความสำเร็จ
ในสมัยราชวงศ์ถัง พระอาจารย์เซนตันเสี้ย เดิมเป็นบัณฑิต ระหว่างเดินทางเข้าเเมืองหลวงเพื่อสอบจอหงวน ได้พบกับนักบวชรูปหนึ่งกล่าวกับท่านว่า " เลือกเป็นขุนนางสู้เลือกทางพระดีกว่า " ท่านจึง
เปลี่ยนความตั้งใจในทันที โดยหันเข้าวัดออกบวชปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุเป็นพระเถระผู้ทรงคุณธรรม
Tuesday, September 23, 2014
เคาะถาดคลำเทียน
เคาะถาดคลำเทียน
ชายคนหนึ่งตาบอดมาตั้งแต่กำเนิด เขาจึงไม่เคยเห็นว่าดวงตาเห็นดวงอาทิตย์มีรูปร่างเป็นอย่างไร วันหนึ่งเขาอยากรู้รูปลักษณะของดวงอาทิตย์จึงไปถามเรื่องนี้จากคนตาดี คนเหล่านั้นนำถาดทองเหลืองมาใบหนึ่ง แล้วบอกเขาว่า
" ดวงอาทิตย์นั้นเหมือนกับถาดใบนี้ คือมีลักษณะกลม "
ชายตาบอดผู้นั้นเอาถาดมาแนบข้างหูแล้วลองเคาะดู เมื่อได้ยินเสียงดังของถาด เขาก็พยักหน้าว่าเข้าใจแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ขณะที่ชายตาบอดผู้นั้นเดินไปตามถนน ครั้นได้ยินเสียงระฆังเขาก็พูดออกมาด้วยความดีใจว่า " ข้ารู้แล้ว นี่แหละพระอาทิตย์ละ ! "
คนที่อยู่ใกล้ๆ เขาจึงบอกเขาว่า " ไม่ใช่ พระอาทิตย์นั้นมีแสงสว่างเหมือนกับเทียนที่เราจุด " พร้อมกันนั้นก็นำเทียนเล่มหนึ่งมาให้เขาคลำดู ชายตาบอดคลำดูก็จดจำไว้ในใจ
อยู่มาวันหนึ่งเขาคลำไปเจอขลุ่ยเข้า เขาก็บอกคนอื่นว่า
" นี่จะต้องเป็นพระอาทิตย์แน่ๆ "
บันทึกใน " ตงพอจี๋ "
เพื่อนรัก... ตายแทนกันได้
เพื่อนรัก... ตายแทนกันได้
เราคงเคยได้ยินคำพังเพยของไทยที่คุ้นหูกันว่า " เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก " ซึ่งก็เป็นตามความหมายนั้นจริงๆ ในสังคม อาจจะเป็นเพราะความเปราะบางด้านความสัมพันธ์ของคนในยุคนั้นล้วนแต่ฉาบฉวยเห้นแก่ตัว เพราะความบีบรัดในด้านเศรษฐกิจแตกต่างจากในอดีต
แต่คงเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าในชีวิตของเรานั้นจะมีเพื่อนสักคนที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างจริงใจหรือเป็นเพื่อนตาย ที่คนจีนชอบพูดว่า " มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน "
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของกองทัพทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะนั้นกองทัพของลูกพระอาทิตย์กำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ในสมรภูมิแห่งหนึ่ง ทหารกล้าคนหนึ่งได้เห็นเพื่อนสนิทถูกยิงล้มลงในสนามรบข้างหน้า ขณะที่ตัวเขาเองนั้นติดอยู่ในสนามเพลาะที่มีแสงไฟจากปืนพุ่งข้ามศรีษะไปมาอยู่ตลอดเวลา ด้วยหัวใจที่ร้อนรนและเป็นห่วงเพื่อน พลทหารคนนั้นได้พยายามขอนุญาตผู้กองของเขาออกไปยังสนามรบข้างหน้าเพื่อเอาร่างของเพื่อนกลับเข้ามาในเขตที่ปลอดภัย เขาเพียรพยายามขออนุญาติหลายครั้งจนในที่สุดผู้กองก็ใจอ่อน
" ได้ " ผู้กองบอก
เสียดสีครั้งใหญ่
เสียดสีครั้งใหญ่
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฌานาจารย์ ต้งซานเหลียงเจี้ย เทศนาธรรมโดยมิได้จุดตะเกียง ลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อ เหนิงเหยิ่น ถามท่านว่าทำไมไม่จุดตะเกียงต้งซานรีบสั่งพระอุปัฏฐากไปจุดตะเกียง หลังจากนั้นจึงเรียกหนิงเหยิ่นมาแล้วพูดกับเขาว่า " ไปเอาน้ำมันตะเกียง 3 ชั่งมาตอบแทนอาจารย์คนนี้ " เหนิงเหยิ่นได้ยินดังนั้น ก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกนอกโบสถ์ไป หลังจากไตร่ตรองอยู่หนึ่งคืน ดูเหมือนเข้าใจอะไรมากขึ้น จึงนำเงินสะสมทั้งหมดออกมาซื้ออาหารมังสวิรัติเลี้ยงพระเณรทั้งวัด
เหนิงเหยิ่นยังคงปฏิบัติธรรมในวัด ผ่านไปอีกสามปี จึงขออำลาอาจารย์อย่างรีบร้อน ต้งซานก็ไม่ยับยั้ง เพียงอวยพรว่า " ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ " เมื่อศิษย์คนอื่นๆ พบเหนิงเหยิ่นอีกครั้ง เขานั่งสมาธิดับขันธ์ในฌานสมาบัติไปแล้ว
Monday, September 22, 2014
มองเห็น
มองเห็น
ทำไมต้องติดตั้งโคมไฟสักดวง ก็เพื่อจะได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในห้อง ทำไมต้องเปิดหน้าต่าง ก็เพื่อจะได้เห็นโลกภายนอก
วางใจเพราะมองเห็น มองเห็นอารมณ์ จิตใจ รู้เหตุที่มาที่ไป จะได้วางตัวถูกต้อง ถ้ามองไม่เห็นความสัมพันธ์ของมนุษย์ หลับหูหลับตาเข้าไป คงได้กระทบกระทั่งกับคนอื่นเข้า ดังนั้น เป็นคนต้องหูตาสว่าง สายตาต้องว่องไว จึงจะมองเห็นอันตรายบนทางข้างหน้า การเอาใจเขาใส่ใจเรา แลกเปลี่ยนจุดยืนกัน จึงจะมองเห็นความต้องการของกันและกัน
ต้องมองเห็นอารมณ์ที่ผู้อื่นแสดงออกมาว่าเขากำลังดีใจหรือเคืองโกรธจิตใจของตนเองเป็นจิตใจที่ดี หรือมีอคติ ก็ต้องมองให้ชัดเช่นกัน สามารถมองเห็นปัจจุบัน ก็ต้องมองเห็นอนาคต สามารถมองเห็นผู้อื่น ก็ต้องมองเห็นตนเองมองเห็นวัตถุ ยังต้องมองเห็นจิตใจด้วย มองเห็นที่ดีและมองเห็นที่ไม่ดีด้วย
พระพุทธศาสนาสอนเรืองสามขั้นตอนก่อนการบรรลุธรรมว่า " เห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นน้ำเป็นน้ำ เห็นภูเขาไม่ใช่ภูเขา เห็นน้ำไม่ใช่น้ำ เห็นภูเขาก็เป็นภูเขา เห็นน้ำก้เป็นน้ำ " เป็นธรรมะที่ว่าด้วยการมองเห็นล้วนๆ
ขงจื้อสิ้นเสบียง
ขงจื้อสิ้นเสบียง
ครั้งหนึ่งขณะที่ขงจื้อเดินทางไปตามรัฐต่างๆ และจำเป็นต้องพักแรมอยู่ระหว่างเดินทางที่จะไปยังรัฐเฉินกับรัฐไช่ พอดีเสบียงที่เตรียมติดไปได้หมดลงผักหญ้าที่จะเอามาต้มกินได้ก็หายาก จนเวลาผ่านไป 7 วันแล้วยังไม่ได้กินข้าวสักคำ ทำให้หิวจนไม่รู้จะทำอย่างไร กลางวันจึงต้องนอนพักทั้งวัน
เอี๋ยนหุยได้เดินทางไปขอข้าวจากชาวบ้านมาได้นิดหนึ่ง จึงเอามาต้มเตรียมจะให้ขงจื้อกิน ขณะที่ข้าวกำลังสุกนั้น ขงจื้อเห็นเอี๋ยนหุยตักข้าวในหม้อขึ้นมากินคำหนึ่ง แต่ขงจื้อก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น ต่อมาสักครู่เมื่อข้าวสุกดี เอี๋ยนหุยก็ยกมาให้ ขงจื้อลุกขึ้นยืนพูดว่า
วันนี้เราฝันถึงบิดาที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ถ้าข้าวนี้บริสุทธิ์สะอาดข้าพเจ้าก็อยากจะเอาไปไหว้พ่อ "
เอี๋ยนหุยรีบพูดทันทีว่า " ไม่ได้ขอรับ เมื่อกี้นี้มีขี้เถ้าปลิวลงไปในหม้อผมตักขึ้นมาจะทิ้งก็เสียดาย จึงกินเสีย ฉะนั้นข้าวนี้จึงไม่สะอาดพอ "
ขงจื้อได้ฟังเช่นนั้นก็พูดว่า " สิ่งที่ข้าพเจ้าเชื่อคือตา แต่จะเชื่อตาเสียทั้งหมดหาได้ไม่ สิ่งที่ข้าพเจ้าอาศัยนั้นคือจิตใจ แต่จะอาศัยจิตใจทั้งหมดย่อมไม่ได้ ศิษย์ทั้งหลายจงจำไว้ว่า การที่จะเข้าใจคนคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย "
บันทึกใน " หลี่สื้อชุนชิว "
2 ผู้กล้ามิอาจร่วมเดินทาง
2 ผู้กล้ามิอาจร่วมเดินทาง
คนเก่ง 2 คนที่ไม่ยอมกันหรือความคิดไม่ตรงกัน ไม่อาจจะทำงานหรืออยู่ที่เดียวกันได้
By ปรัชญา " ซามูไร "
ขณะล้อเล่น
ขณะล้อเล่น
ศิษย์ฆราวาสคนหนึ่งก่อหนี้ไว้ท่วมหัวไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ จึงระบายความในใจให้ฌานาจารย์อี้ซิวฟัง พร้อมกับบ่นว่าจะฆ่าตัวตาย ให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบลง
ฌานาจารย์อี้ซิวถามเขา ว่า " นอกจากความตาย หรือว่าไม่มีวิธีอื่นใดแก้ปัญหาได้เลย ? " สาวกผู้นั้นตอบอย่างสิ้นหวังว่า " ไม่มี "
ฌานาจารย์อี้ซิวถามอีกว่า " ที่บ้านโยมไม่มีอะไรเหลือเลยใช่ไหม ? " สาวกผู้นั้นตอบว่า " นอกจากลูกสาวอายุ 8 ขวบ ก็ไม่มีอะไรอีกเลย "
ฌานาจารย์อี้ซิวตอบว่า " อ้อ ! อาตมามีวิธีแล้ว โยมยกลูกสาวให้แต่งงานกับอาตมา อาตมาใช้หนี้แทนโยม ปัญหาแก้ตกแล้วมิใช่หรือ ? "
Saturday, September 20, 2014
เพิ่มอุณหภูมิ
เพิ่มอุณหภูมิ
คนในบ้านจะต้องเดินทางไกล ญาติมิตรมักจะย้ำเตือนว่า ต้องเอาเสื้อผ้าไปมากน้อยนะ กินข้าวให้ตรงเวลานะ และมักจะพูดว่า ต้องกินตอนที่ข้าวยังร้อนๆ กินให้อิ่ม เวลาผู้อ่อนวัยจะไปเยี่ยมผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่มักจะสั่งว่า เธอต้องดูแลเอาใจใส่ท่านให้มากๆ หน่อย เธอต้องปรนนิบัติท่านมากหน่อย จะเห็นได้ว่าท่ามกลางการดำเนินชีวิต การเพิ่มอุณหภูมิความเร่าร้อนระหว่างท่านเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
พูดถึงเพิ่มอุณหภูมิ ดอกไม้เมืองหนาวราคาแพง บางชนิดไม่เพียงต้องสร้างห้องให้มัน แต่ยังต้องเพิ่มอุณหภูมิให้มันด้วย มันจึงจะผลิดอกออกผล การผลิตบะหมี่ที่เราๆ ท่านๆ รับประทานนั้น ในขั้นตอนการผลิตก็ต้องมีการเพิ่มอุณหภูมิ เพื่อให้ยีสต์เกิดปฏิกิริยา ทำให้เส้นหมี่อ่อนนุ่มน่ารับประทาน หรือแม้แต่ไข่ไก่ก้ต้องเพิ่มอุณหภูมิมันจึงจะฟักเป็นตัวได้ มนุษย์ก็ต้องอาศัยความอบอุ่นจึงจะมีชีวิตอยู่รอด ถ้าร่างกายเย็นเยือกเท่ากับชีวิตสิ้นสุด
" มนุษย์ " แค่ให้ร่างกายอบอุ่นยังไม่พอ ยังต้องแผ่ความอบอุ่นในตัวออกไปสู่สังคม ให้คนส่วนใหญ่ได้รับรู้ถึงความอบอุ่นของสังคมด้วย มนุษย์ในสังคมล้วนชื่นชอบความอบอุ่นมากกว่าความเย็นชา ยกตัวอย่างเช่น บ้านที่คนพักอาศัยแล้วรู้สึกสุขสบายใจ ก็จะพูดว่า " บ้านนี้อบอุ่น " แต่ถ้าไม่ชอบ ก็จะพูดว่า " ที่นี่เย็นชา ทนอยู่ไม่ได้ "
ที่ที่มีแสงอาทิตย์สาดส่ิอง จะมีความอบอุ่น ที่ที่มีการก่อไฟจะมีความอบอุ่น ที่ที่มีคำพูดไพเราะ จะมีความอบอุ่น ดังคำที่ว่า " พูดเพราะคำเดียวอุ่นได้หลายหนาว วาจาประทุษร้าย หนาวอีกหลายเดือน " ฉะนั้น บางครั้งความอบอุ่นไม่ได้มาจากอุณหภูมิดินฟ้าเท่านั้น การให้ความเคารพ คำพูดเพราะๆ ใบหน้ายิ้มแย้ม ความรักใคร่เอาอกเอาใจ ล้วนสร้างความอบอุ่นใจได้ทั้งสิ้น กระแสแห่งความอบอุ่นที่แท้จริงไหลออกมาจากใจ ใจจึงเหมือนโรงงานผลิตไฟฟ้า ถ้าสามารถส่งกระแสความอบอุ่นใจให้กับคนอื่นได้สักนิด จะยิ่งสำคัญกว่าแสงอาทิตย์หรือเครื่องปั่นไฟเสียอีก
กษัตริย์เอี้ยนเรียนอมรวิชา
กษัตริย์เอี้ยนเรียนอมรวิชา
ชายคนหนึ่งมีหนังสือมากราบทูลกษัตริย์แห่งรัฐเอี้ยนว่า เขาจะสอนอมรวิทยาหรือวิชาที่ทำให้อายุยืนนานไม่มีวันตายให้แก่พระองค์
กษัตริย์รัฐเอี้ยนทรงพอพระหฤทัยมาก รับสั่งให้รีบจัดส่งไปเรียนวิชานี้ เมื่อคนที่จัดส่งเดินทางไปถึงก็ปรากฎชายผู้นั้นตายเสียแล้ว พวกเขาจึงเดินทางกลับมาด้วยความผิดหวัง พอกษัตริย์รัฐเอี้ยนทราบเรื่องก็ทรงพระพิโรธมากตรัสบริภาษว่าเป็นเพราะพวกเขาเดินทางชักช้าเกินไปจึงเสียการและสั่งให้เอาคนเหล่านั้นไปประหารชีวิตเสีย
เรื่องนี้จะเห็นได้ว่ากษัตริย์ของรัฐเอี้ยนหาได้ทรงเข้าพระทัยไม่ว่า พระองค์ถูกหลอก ตรงกันข้ามกลับสั่งลงโทษคนเหล่านั้นหาว่าเดินทางชักช้าเกินไป
บันทึกใน " หานเฟยจื่อ "
หมากับลิง
หมากับลิง
คนญี่ปุ่นเขานิยมใช้สำนวนนี้กับของสองสิ่งที่มีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด เปรียบเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างหมากับลิงที่มีนิสัยแตกต่างกันจนไม่สามารถจะเข้ากันได้เลย ถ้าเปียบเป็นสำนวนไทยคงจะเป็น " น้ำกับน้ำมัน " หรือ " ขมิ้นกับปูน "
ในทางการค้าก็อาจจะเปรียบได้กับคู่แข่งทางการค้าที่ต้องสู้กันในเรื่องของผลประโยชน์ ถือว่าอยู่คนละฝั่ง แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่าในโลกนี้นั้นไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร เราจึงเห็นว่าในบางครั้งคู่แข่งทางการค้าอาจจะจับมือร่วมกันเพื่อผลประโยชน์บางอย่างเหมือนกัน หรือว่ามีวิธีการทำการตลาดที่คล้ายคลึงกัน รอเพียงวันเวลาที่จะต่อยอดร่วมกัน
การแข่งขันของค่ายเพลงรายใหญ่ของประเทศอย่างแกรมมี่อับอาร์เอสตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เรียกได้ว่าเป็นไปอย่างเข้มข้นชนิด " ผลัดกันรุกผลัดกันรับ " ทั้งในเชิงของตัวศิลปิน กลยุทธ์การทำตลาดเพื่อชิงความได้เปรียบ การนำเทคโนโลยีมาต่อยอดคอนเทนท์ที่มีอยู่ อย่างล่าสุดค่าย " อาร์เอส " ก็ได้ตัดสินใจปลดล็อกระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือที่เรียกว่า " ดี อาร์ เอ็ม " หลังเปิดให้บริการจำหน่ายเพลงออนไลน์มาเกือบ 2 ปี ขณะที่ค่าย " แกรมมี่ " กลับยืนหยัดบนเส้นทางการจำหน่ายเพลงออนไลน์แบบเดิม จึงเป็นประเด็นว่าเกมนี้ใครชิงความได้เปรียบกันแน่
น้ำใจ
น้ำใจ
จัดรพรรดิถางซู่จงในสมัยราชวงศ์ถางทรงเป็นพุทธมามกะที่ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างบริสุทธิ์ใจ มีครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงอาราธนาพระเถระผู้ใหญ่จำนวนมากเข้าไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในพระราชวัง หลังจากประกอบพิธีเสร็จแล้ว พระองค์ทรงขอคำแนะนำเกี่ยวกับพุทธธรรมจากท่านพระราชครูฮุ่ยจง แต่ท่านพระราชครูกลับไม่แม้แต่จะเหลียวแลพระองค์
พระองค์ทรงไม่สบายพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงตรัสว่า " ข้าฯ คือกษัตริยราชแห่งราชวงศ์ถาง ให้เกียรติขอคำแนะนำจากท่านพระราชครู ท่านพระราชครูกลับไม่เหลียวแลข้าฯ แม้แต่น้อย " พระราชครูฮุ่ยจงจึงทูลถามพระองค์ว่า " พระองค์ทรงเห็นสุญตาหรือ ? "
พระองค์ทรงตอบว่า " เห็น "
พระราชครูจึงทูลถามต่อไปว่า " สุญตาไม่เคยกระพริบตาให้พระองค์หรือ ? " พระองค์ทรงตอบไม่ได้
ปฏิกิริยาสะท้อน
ปฏิกิริยาสะท้อน
ชีวิตคน... สิ่งที่กระทบต่อชีวิตตนเองมากที่สุดคือ " ปฏิกิริยาสะท้อน " เขาชมเชยเรา เราดีใจ เราปิติยินดี เรามีความสุข นี่คือ " ปฏิกิริยาสะท้อน " เขาทำร้ายเรา เราเจ็บปวด เราเสียใจ เรารับไม่ได้ ถึงขนาดร้องไห้หลั่งน้ำตา นี่ก็เป็น " ปฏิกิริยาสะท้อน "
คนเรา... ดื่มกินสนุกสนานเฮฮา ท่องเที่ยวขึ้นเขาลงห้วย สนองกิเลสตัณหา แสวงหาความตื่นเต้น นี่ก็คือการสะท้อนธรรมชาติของนิสัยมนุษย์ที่ชอบเสพสุข คนคนหนึ่งหลีกหนีการถูกทำร้าย กลัวการทำร้ายนี่คือการสะท้อนธรรมชาติของอารมณ์จิตใจที่ไม่อยากถูกทำร้าย กล่าวำได้ว่าชีวิตคนในแต่ละวันจะได้รับอิทธิพลของผลสะท้อนทั้งสิ้น ถ้าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีก็เป็นความทุกข์
ในทางพุทธศาสนาเรียกร่างกายว่า " โผฏฐัพพะสัญญา " ในการดำเนินชีวิตปกติ มีการยืน เดิน นั่ง นอน เป็นต้น ล้วนเป็นไปตามอารมณ์ของประสาทสัมผัส จากการสัมผัส ทำให้รู้สึกถึงความอ่อน แข็ง หยาบ ละเอียด ร้อน เย็น สุข สบาย เป็นต้น จากนั้นจึงเกิดอารมณ์ความชอบหรือไม่ชอบ
ปฏิกิริยาสะท้อนของจิตวิญญาณ ถ้าเป็นด้านดี จิตใจจะกระตือรือร้น มุ่งมั่นบากบั่น ถ้าเป็นการสะท้อนที่ไม่ดี ก็จะกลัดกลุ้มไม่สบายใจ ท้อแท้หมดกำลังใจชีวิตคนคนหนึ่ง การเรียนหนังสือก็ต้องการจิตใจ ทำงานก็ต้องการจิตใจ การบริการก็ต้องการจิตใจ พลังจิตใจของคน ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องกระตุ้นผลักดัน ฉะนั้น คนเราควรจะกระตุ้นจิตใจอยู่เสมอ พยายามบากบั่นต่อสู้มุ่งไปข้างหน้า ไปทางที่ดี ที่เป็นกุศลอยู่เสมอ
Friday, September 19, 2014
ก้อนหินเขาเอี้ยนซาน
ก้อนหินเขาเอี้ยนซาน
มีชายโง่ชาวรัฐซ่งผู้หนึ่งเก็บก้อนหินที่มีลวดลายสวยงามได้ก้อนหนึ่งจากทางด้านตะวันออกของหวูไตเขตเขาเอี้ยนซาน เขาเข้าใจว่าหินก้อนนั้นเป็นอัญมณีมีค่าที่หายาก รวมสิบชั้น แต่เขาก็รู้สึกว่ายังไม่ดีพอ จึงทำกล่องไม้ที่สลักลวดลายสวยงามมาใส่เป็นชั้นๆ รวมสิบกล่องด้วยกัน
ต่อมามีพ่อค้าอัญมณีคนหนึ่งมาจากรัฐโจว เมื่อทราบข่าวนี้เขาก็มาหาเพื่อขอดูก้อนหินที่มีค่าก้อนนั้น
เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่มีค่าล้ำเลิศจริงๆ ชายเจ้าของหินจึงจัดพิธีรีตรองก่อนจะเปิดออกให้พ่อค้าชม โดยตนเองอาบน้ำชำระร่างกายเสียก่อนแล้วสวมเสื้อผ้าสวมหมวกที่สวยงามสะอาดตา หลังจากนั้นจึงหยิบเอากล่องที่ใส่ก้อนหินออกมาอย่างทะนุถนอมเป็นพิเศษ ค่อยๆ เปิดกล่องออกทีละกล่องและคลี่ผ้าไหมสีแสดออกทีละชั้นๆ อย่างช้าๆ จนปรากฎให้เห็นก้อนหินนั้น
พอพ่อค้าอัญมณีเห็นเข้าก็หัวเราะ บอกเขาว่า " นี่เป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง เหมือนกับกระเบื้องแตก ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย "
ชายผู้นั้นฟังแล้วโกรธมาก เข้าใจว่าคนอื่นอิจฉาตาร้อนที่เขามีอัญมณีอันมีค่านี้ จึงพยายามพูดเพื่อให้ค่าของมันตกต่ำ หลังจากนั้น เขาก็ยิ่งเพิ่มความสนใจในการเก็บรักษาและยิ่งถนอมหินก้อนนั้นมากยิ่งขึ้น
บันทึกใน " ไท่ผิงยี่หลาน "
Wednesday, September 17, 2014
ผู้รับช่วง
ผู้รับช่วง
ฌานาจารย์ปู้น่า และฌานาจารย์ชี่ซง เป็นสหายธรรมที่สื่อจิตถึงกันแบบฌานได้อย่างแท้จริง มีอยู่วันหนึ่ง ฌานาจารย์ชี่ซงรจนากวีสดุดีคุณงามความดีของฌานาจารย์ปู้น่า ในทำนองไว้อาลัย
" ฉันปฏิญาณสืบทอดฌานจากท่าน
สานต่องานตามอย่างไม่หันเห
ท่านมุ่งธรรมแน่วแน่ไม่รวนเร
จิตไม่เขวพักผ่อนแม้ไข้โทรม
หมึกพู่กันกระดาษยากจดจาร
ปัญญาญาณลึกล้ำบ่ประโคม
กี่รายรู้ซึ้งบ้าง เหล่าญาติโยม
ฉันมิโหมโอ่เกินหวังเยินยอ
ท่านเมตตาดุจเมฆพริ้ว
ละล่องลิ่วปลิวบนฟ้า
สู่หนใดยามอำลา
ประดับหล้าเคียงจันทร์เพ็ญ "
เมื่อฌานาจารย์ ปู้น่า ได้รับจดหมายกวีฉบับนี้แล้ว รู้สึกซาบซึ้งตื้นตันมาก จึงจับพู่กันขึ้นมารจนากวีรำลึกสหายฌานผู้รู้ใจว่า
Tuesday, September 16, 2014
การเกิดใหม่
การเกิดใหม่
สังคมสมัยนี้ก้าวหน้าไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ ศิลปะ การดำเนินชีวิต แม้แต่ธรรมชาติและข้าวของเครื่องใช้ประจำวัน ล้วนมีความก้าวหน้ามาก ในบรรดาความก้าวหน้าเหล่านี้สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดคือ " การเกิดใหม่ "
ยกตัวอย่างเช่น กระดาษ มี " กระดาษที่นำกลับมาใช้ใหม่ " พื้นที่ปลูกสร้างก็มีการพัฒนาเนินเขาให้มี " พื้นที่เกิดใหม่ " มีการถมทะเลเพื่อให้มี " พื้นที่เกิดใหม่ " หรือแม้แต่น้ำเมื่อผ่านกระบวนการกรองแล้วก็สามารถนำมาดื่มกินได้เรียกว่า " น้ำที่นำกลับมาใช้ใหม่ " คนที่รู้สำนึกละอาจต่อบาป กลับตัวเป็นคนดี เรียกว่า " เป็นคนเกิดใหม่ " แม้แต่หนุ่มสาว ทะเลาะเบาะแว้งแล้วเลิกรากันไป เมื่อกลับมาคืนดีก็เรียกว่า " กลับมาเป็นแฟนกันใหม่ " คนที่ผ่านเหตุการณ์อันตราย ชีวิตที่พลัดพรากได้กลับมาพบกันอีก เรียกว่า " บุญวาสนาพาให้กลับมาพบกันใหม่ " เนื้อหนังที่เน่าตาย หมอช่วยทำการรักษาจนหายดี เรียกว่า " หนังเกิดใหม่ " กล้ามเนื้อเน่าเสียทำการตัดทิ้ง หลังจากผ่านการรักษาจึงมี " เนื้อเกิดใหม่ " หรือแม้กระทั่งคนที่เรียนหนังสือไม่ดีไม่ตั้งใจเมื่อถูกพ่อแม่ผู้ใหญ่ตำหนิติเตียนว่าเป็นคนเหลวไหล แต่เมื่อมีโอกาสแก้ตัว ได้รับการอบรมที่ดี กลับตัวกลับใจเป็นคนดี เราเรียกว่า " กลับตัวเป็นคนใหม่ "
เรื่องราวที่เกิดใหม่ อวัยวะเกิดใหม่ ชีวิตที่เกิดใหม่ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก สิ่งที่เกิดใหม่จะมีประสิทธิภาพมากกว่าเก่าชีวิตใหม่ยิ่งมีคุณค่า เช่น เกาะฮิโรชิมา และนางาซากิที่เคยถูกระเบิดปรมาณูของอเมริกาถล่มจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในวันนี้ได้กลายเป็นเมืองที่ทันสมัยสวยงาม เมืองถังซันของจีนที่ถูกแผ่นดินไหวถล่ม แม้ต้องเผชิญกับทุพพิบัติภัยอย่างสาหัสบัดนี้ได้เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ เกาะไต้หวัน เม็กซิโก ตุรกีต่างล้วนเคยผ่านการถูกทำลายมาอย่างหนัก แต่แผ่นดินที่เกิดใหม่นี้ เมื่อผ่านการบูรณะขึ้นใหม่ จึงสามารถอวดโฉมความสวยงามได้อย่างไม่อายใคร
Monday, September 15, 2014
กินบ้านบูรพาอยู่บ้านประจิม
กินบ้านบูรพาอยู่บ้านประจิม
มีสาวชาวเมืองฉีคนหนึ่ง เมื่อถึงวัยจะมีเรือนก็มีชายสองคนมาสู่ขอ ชายคนที่อยู่บ้านตะวันออกเป็นคนรูปร่างเตี้ยและขี้เหร่ แต่ว่าเป็นคนที่มีทรัพย์ส่วนชายคนที่อยู่บ้านตะวันตกนั้นมีรูปร่างหน้าตาดี แต่เป็นคนที่ยากจน พ่อแม่ของผู้หญิงคิดแล้วคิดอีกก็ตัดสินใจไม่ได้ว่า ควรจะยกลูกสาวของตนให้ชายคนไหน จึงเรียกลูกสาวมาบอกให้หล่อนตัดสินใจเอาเอง
เมื่อพ่อแม่เห็นลูกสาวมีความละอายนั่งก้มหน้าท่าทางขวยเขิน จึงพูดขึ้นว่า " ถ้าหากเจ้าพูดออกมาตรงๆ ไม่ได้เพราะอายก็ใช้วิธีเลิกแขนเสื้อแทนคำตอบ คือถ้าเจ้าชอบชายบ้านตะวันออกก็เลิกแขนเสื้อข้างขวา ถ้าชอบชายบ้านตะวันตกก็เลิกแขนเสื้อข้างซ้าย "
หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสร็จแล้วก็เลิกเสื้อขึ้นทั้งแขนขวาและแขนซ้าย
บิดามารดาของหล่อนเห็นเช่นนั้นก็แปลกใจถามว่า " นี่หมายความว่าอย่างไรกัน ? "
" ฉัน... " หล่อนกล่าวอย่างเอียงอาย " ฉันก็อยากจะกินข้าวที่บ้านตะวันออก อยู่บ้านตะวันตก ! "
บันทึกใน " อี้เหวินเล่ยจู้ "
ความลำบากจะทำให้มีเพชรที่ล้ำค่า
ความลำบากจะทำให้มีเพชรที่ล้ำค่า
ปรัชญาบทนี้นั้นเขาเน้นการสอนไปที่การให้กำลังใจต่อตนเองและคนรอบข้างว่า ขอให้เราทุกคนนั้นต่อสู้กับความทุกข์ยากลำบากในชีวิต เพราะหากเราต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อแล้ว วันหนึ่งเราจะพบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่เปรียบเหมือนได้เพชรงามมาไว้ในกำมือเลยทีเดียว
เรื่องราวทั้งหมดที่จะเล่าให้ฟังนี้ไม่ใช่นิยาย แต่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของคนที่เกิดมาเป็นลูกขอทานคนหนึ่ง ถ้าคุณเป็นเขา คุณคิดว่าจะมีชีวิตเป็นเช่นไรจะสามารถต่อสู้กับสภาพแวดล้อมและจิตใจของตนเองได้จนถึงวันนี้หรือไม่ ? แต่ชายผู้เป็นเจ้าของชีวิตที่แสนรันทดนี้ทำได้
เขาคือ " ไล่ตงจิน " เป็นชาวไต้หวัน และเป็นเจ้าของผลงานหนังสือที่โด่งดังที่ชื่อ " ไล่ตงจิน ลูกขอทาน " ที่ใช้ชีวิตเป็นเด็กขอทานกว่าสิบปีและได้เรียนหนังสือเพราะเงินจากพี่สาวที่ถูกพ่อขายให้กับซ่องโสเภณี
เขาเคยเล่าไว้ในหนังสือของเขาว่า อาชีพขอทานอย่างเขาต้องพเนจรไปเรื่อยๆ เพราะหากอู่สถานที่ใดสถานที่หนึ่งนานเกินไป ผู้คนจะจดจำได้และไม่ค่อยให้เงิน เขาเร่ร่อนขอทานมากว่า 10 ปีก่อนจะได้เข้าโรงเรียน
กุศลที่แท้จริง
กุศลที่แท้จริง
จักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ สมัยหนานเฉา ทรงศรัทธาเลื่อมใสพุทธศาสนายิ่งนัก ระหว่างครองราชย์ พระองค์ทรงเมตตาทำนุบำรุงสุขราษฎร สร้างสะพาน ถนนหนทาง และบูรณะวัดวาอารามอย่างจริงจัง เวลานั้น พระโพธิธรรม (ปรมาจารย์ตั๊กม้อ) เพิ่งเดินทางจากอินเดียเข้ามาในประเทศจีน จักรพรรดิเหลียงอู่ตี้เมื่อทราบว่าท่านคือปรมาจารย์มาจากชมพูทวีป จึงมีพระกระแสรับสั่งนิมนต์ท่านเข้าเฝ้าโดยเร็ว พระองค์ทรงตรัสถามว่า " ข้าฯ ทำนุบำรุงพุทธศาสนา สร้างวัด โบสถ์ วิหาร และเจดีย์ พิมพ์หนังสือธรรมะ ส่งเสริมให้ราษฎรออกบวช บริจาคทาน และถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ตลอดมา จะได้กุศลอย่างไร มากหรือน้อยเท่าใด ? "
พระโพธิธรรมตอบว่า " ไม่ได้กุศลแม้แต่น้อย กุศลที่แท้จริงคือ ความรู้แจ้งทางจิต "
จักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ตรัสถามอีกว่า " อริยสัจคืออะไร ? "
พระโพธิธรรมตอบว่า " หามีไม่ "
จักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ตรัสถามต่อไปว่า " เบื้องหน้าข้าฯ นี้คือใคร ? "
พระโพธิธรรมตอบว่า " ไม่รู้จัก "
จักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ทรงไม่พอพระทัยมาก พระโพธิธรรมจึงทูลลาจากไป
Sunday, September 14, 2014
ปล่อยวางสถานะของตน
ปล่อยวางสถานะของตน
สถานะ ก็คือพื้นภูมิความหลังของคนคนหนึ่ง คนบางคนถือตนว่ามาจากครอบครัวที่มีสถานะสูง คนที่มีความรู้ ถือตนว่าวิเศษเหนือผู้อื่นคนมีเงิน ถือว่าตนเองแตกต่างจากผู้อื่น คนเก่ง คนมีชื่อเสียง คิดว่าตนเองมีศักดิ์ศรีดีกว่า จึงอ้างสิทธิ์นี้มายกสถานะของตนเองให้สูงขึ้นการกระทำเหล่านี้ไม่เป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่ง
ถ้าภูมิหลังของครอบครัวเป็นเครื่องนำมาซึ่งสถานะ คนที่เป็นลูกหลานของขงจื้อ ก็ต้องได้รับความเคารพจากสังคม ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ต้องอาศัยความสามารถของตนเอง พยายามสืบทอดคุณความดีของบรรพชนให้รุ่งเรืองขึ้นด้วย หรือมีคนบางคนมองว่าเงินทองสามารถยกสถานะของตนได้ ขอถามหน่อยว่า ท่านได้นำเงินทองให้ท่าน สร้างบุญกุศลหรือคุณูปการอะไรบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่เช่นนั้น ท่านก็เป็นแค่ปู่โสมเฝ้าทรัพย์คนหนึ่ง ไม่สามารถยกสถานะอะไรได้เลย หรือว่าคนที่เรียนหนังสือเก่ง มีความสามารถ อาศัยแค่ความรู้ความสามารถยังไม่พอ ยังต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องรู้จักผูกบุญสัมพันธ์ จึงจะได้รับความเคารพจากผู้อื่น
เวี้ยอ๋อง ยอมละวางสถานะของตนเป็นขุนนางรับใช้ของอู๋อ๋องในที่สุดจึงกู้ชาติเวี้ยกลับคืน หรือแม้แต่ ฟูยี จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง หลังจากที่ประเทศจีนได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว เพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไป จึงต้องยอมลดสถานะของตนเอง โดยยอมทำงานเป็นคนดูแลสวนสาธารณะในเขตพระราชวังปักกิ่งที่ตนเองเคยประทัยมาก่อน
วุ่นวายเหมือนลูกแมงมุม
วุ่นวายเหมือนลูกแมงมุม
ความวุ่นวายที่ยากเกินจะควบคุม เหมือนลูกแมงมุมที่วิ่งพล่านเมื่อออกจากท้องแม่
By ปรัชญา " ซามูไร "
Saturday, September 13, 2014
ผีในดวงใจ
ผีในดวงใจ
สามีภรรยาอายุน้อยคู่หนึ่งรักกันมากตลอดมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน
อยู่มาวันหนึ่ง สามีภรรยาไปเอาสุราในห้องใต้ดินมาดื่มภรรยาลงไปที่ห้องให้ดิน เปิดปากไหสุรา ก็ตกตะลึงร้องว่า " ไอ๊หยา ! ไฉนสามีจึงซ่อนผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในไหสุรา ? " นางไม่สนใจสุราอีกแล้ว รีบขึ้นไปพบสามีสืบสาวเอาความให้รู้ดำรู้แดง
ฝ่ายสามีรู้สึกประหลาดใจมาก รีบวิ่งลงไปในห้องใต้ดินดูให้หายงง เมื่อเขาเปิดปากไหสุรา เอ้า ! คนในไหสุราไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาคมคาย สามีจึงชี้หน้าภรรยาบริภาษว่า " เธอหาว่าฉันซ่อนผู้หญิงในไหสุรา ที่แท้เธอนั่นแหละซ่อนผู้ชายไว้ในไหสุรา "
ทั้งคู่ทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุด จึงให้นักบวชท่านถามสาเหตุความเป็นมา แล้วลงไปที่ห้องใต้ดิน ทุบไหสุราแตกละเอียด น้ำสุราไหลนองพื้น ผู้หญิงในไหหายไป ผู้ชายก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
พลังของ " ความกล้า "
พลังของ " ความกล้า "
เมื่อมีความกล้า ก็มีพลัง เวลาเรียนภาษา ต้องกล้าพูด ภาษาก็จะก้าวหน้า เวลาเรียนดนตรี ต้องกล้าขับร้อง จึงจะประสบความสำเร็จในการร้องเพลง กล้าเสี่ยงภัย กล้าผดุงความยุติธรรม หรือกล้าเข้าแบกรับภาระหน้าที่ เป็นต้น
ดอกเตอร์ซุนยัดเซน เดิมเป็นเพียงนายแพทย์ธรรมดา แต่กล้าท้าทายอำนาจปกครองของราชวงศ์ชิง จึงสามารถก่อตั้งประเทศจีนในระบอบสาธารณรัฐขึ้นมาได้ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส กล้าเดินเรือผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกจึงได้ค้นพบแผ่นดินอเมริกา ชาวจีนที่มีอาวุธล้าหลัง กล้าต่อกรกับญี่ปุ่นผู้รุกรานที่มีกำลังอาวุธเหนือกว่าได้อย่างห้าวหาญ จึงได้รับชัยชนะในที่สุด
กาลิเลโอ นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี ค้นพบว่าโลกมีลักษณะกลม และโลกหมุนไปตามแรงโน้มถ่วง เขากล้าเอาชีวิตเข้าต่อต้าน ยืนยันการค้นพบของตนเอง โดยไม่หวั่นไหวต่อการใช้อำนาจบีบบังคับของศาสนจักร ซึ่งกดดันว่าจะละเว้นโทษเพียงแต่เขายอมรับว่าสิ่งที่ตนค้นพบนั้นเป็นข้อผิดพลาด แต่กาลิเลโอกลับกล่าวอย่างหนักแน่นว่า " ถึงยามนี้ ข้าพเจ้าก็ยังยืนยันว่าโลกนี้หมุนไปไม่หยุดนิ่ง " นี่คือพลังของความกล้าในการออกมาปกป้องสัจธรรมอย่างอาจหาญ
ในประวัติศาสตร์นับแต่โบราณมา ยังมีวีรชนคนกล้าที่ได้รับการสดุดีจากประเทศชาติและคนรุ่นหลังอีกมาก ทั้งนี้เป็นเพราะความ " กล้า " ของพวกเขาทำให้สามารถทำงานประสบความสำเร็จ
Friday, September 12, 2014
เหยียบน้ำลายที่ปาก
เหยียบน้ำลายที่ปาก
มีผู้ดีคนหนึ่ง เวลาไปไหนก็มักจะมีพวกประจบสอพลอตามไปเป็นพรวน คนที่ติดตามนี้ต่างถนัดในเรื่องประจบยกยอเป็นอย่างยิ่ง พวกเขามองสีหน้าก็รู้ได้ทันทีว่านายของเขาต้องการอะไร แม้กระทั่งน้ำลายที่ผู้ดีคนนี้ถ่มออกมา พวกเขาก็จะแย่งกันเข้าไปใช้เท้าเหยียบขยี้ไม่ให้เห็นรอย ในคนจำนวนนี้มีคนหนึ่งรูปร่างเตี้ยและไม่ว่องไว จึงไม่สามารถเบียดคนอื่นเข้าไปเหยียบน้ำลายที่ผู้ดีคนนั้นถ่มออกมาได้ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอันมาก
ครั้งหนึ่งพอดีผู้ดีคนนั้นกระแอม แล้วห่อริมฝีปากเตรียมจะถ่มน้ำลายออกมา ชายผู้นั้นก็รีบยกเท้าขึ้นแล้วปาดไปที่ปากผู้ดีทันที ผู้ดีคนนั้นตกใจ ผงะถอยและโกรธมากตวาดว่า " มึงคิดขบถหรือ ? ทำไมถึงเอาตีนมาถีบปากกู ? "
ชายผู้นั้นตกใจรีบแสดงท่าทีเคารพนอบน้อมตอบว่า " บ่าวเจตนาดีจริงๆ หาใช่ว่าจะกลับขบถไม่ "
" เมื่อไม่ขบถมึงเอาตีนถีบปากกูทำไม "
" เพราะคนเวลาใต้เท้าถ่มน้ำลายนั้นบ่าวไม่ไวพอจึงไปเหยียบไม่ทันคนอื่น ฉะนั้นจึงหาวิธีแย่งคนอื่นทำเสียก่อนเพื่อแสดงความจงรักภักดีของบ่าว "
บันทึกใน " จ้าพี่หยีจิง "
คลอดง่าย... กว่าที่คิด
คลอดง่าย... กว่าที่คิด
ผู้หญิงในโลกนี้ทุกคนนั้นมีความกลัวที่เหมือนกันในทุกชาติทุกภาษา นั่นก็คือกลัวเจ็บในการคลอดลูกครั้งแรก เพราะความไม่เคย ซึ่งก็ถูกนำมาใช้ปรัชญาข้อนี้
ความหมายของมันก็คือ การที่เรามีความกลัวหรือวิตกกังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือมีความกังวลกับงานหรือสิ่งใดก็ตามที่ยังไม่ประสบความสำเร็จหรือกำลังดำเนินกาอยู่อย่างเกินเหตุ จวบจนเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงพบว่า มันสำเร็จได้อย่างง่ายดายกว่าที่กลัวและวิตกมากมาย
ในช่วงที่เครือซีพีได้เริ่มต้นดำเนินกิจการร้านสะดวกซื้อในนาม " เซเว่นอีเลฟเว่น " ในเมืองไทย ช่วงแรกนั้นไม่สามารถที่จะขยายสาขาได้ตามที่ตั้งใจไว้ เพราะเจ้าของตึกที่เป็นทำเลทองนั้นไม่ยอมให้อย่างเด็ดขาด
เมื่อก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ถูกเรียกตัวเข้ามาบริหารงาน สิ่งแรกที่ก่อศักดิ์ต้องเร่งจัดการให้ลุล่วงก็คือ " การขยายสาขาของเซเว่นฯ ให้มากที่สุดเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย " และในข้อจำกัดดังที่กล่าวมาแล้ว ทำให้เขาได้พลิกแนวในการขยายสาขาใหม่จากการซื้อตึกเปลี่ยนมาเป็นเช่าแทน ซึ่งในตอนแรกแผนการเช่านี้ก็สร้างความวิตกกังวลแก่คณะผู้บริหารที่ไปดำเนินการเพราะกลัวว่าจะไม่สำเร็จ
จิตแปรตามสภาพแวดล้อม
จิตแปรตามสภาพแวดล้อม
ฌานาจารย์เทียวสุ่ยขยันหมั่นเพียรศึกษาธรรมะและทำสมาธิภาวนาเสมอ ทุกวันในอารามของท่าน จะมีผู้มาศึกษาฌานกับท่านมากมายทั้งฆราวาสและบรรพชิต แต่ลูกศิษย์ลูกหาเหล่านั้นกลัวความยากลำบาก ไม่มีความอดทน มักละทิ้งกลางคัน ฌานาจารย์เทียวสุ่ยรู้สึกผิดหวัง จึงอำลาหลวงจีนในอาราม ไปนั่งภิกขาจารร่วมกับขอทานกลุ่มใหญ่ที่ใต้สะพานแห่งหนึ่ง
สามปีให้หลัง มีศิษย์คนหนึ่งมาพบเข้า ศิษย์ผู้นั้นได้ขอคำแนะนำเกี่ยวกับฌาน ท่านพูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจว่า " ถ้าเจ้าใช้ชีวิตอย่างอาตมาที่ใต้สะพานแห่งนี้ได้สัก ๓ - ๕ วัน อาตมาจะสอนเจ้า "
ศิษย์ผู้นั้นจึงแต่งตัวอย่างขอทาน ผ่านชีวิตใต้สะพานไปหนึ่งวันพอวันที่สอง มีขอทานคนหนึ่งเสียชีวิต ฌานาจารย์เทียวสุ่ยกับศิษย์และขอทานคนอื่นๆ ช่วยกันหามศพขอทานที่ตายแล้วขึ้นไปฝังบนเขา เมื่อเสร็จธุระกลับมาถึงใต้สะพาน ฌานาจารย์ก็ล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ศิษย์คนนั้นจะทำอย่างไรก็ข่มตาหลับไม่ได้
ตกค่ำ ฌานาจารย์กับศิษย์ได้ส่วนแบ่งอาหารที่เหลือของขอทานที่ตายแล้ว ฌานาจารย์ฉันอย่างเอร็ดอร่อยมีรสชาติ แต่ลูกศิษย์นั่งพะอืดพะอมมองชามใส่อาหารและเศษอาหารที่แสนจะสกปรก ไม่กล้าแม้แต่จะตักใส่ปาก
Thursday, September 11, 2014
เป็นสุขเสมอเมื่อทำความดี
เป็นสุขเสมอเมื่อทำความดี
เมื่อ ๒๐ ปีก่อน มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งชื่อว่า " เป็นสุขเสมอเมื่อทำความดี " ออกอากาศสัปดาห์ละครั้ง ออกอากาศนานนับสิบปี เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมโทรทัศน์อย่างมาก แต่ไม่เห็นรายการนี้มาหลายปีแล้ว คิดว่าสังคมนี้คงไม่ต้อง " ทำความดี " กันแล้ว และก็ไม่ " เป็นสุขอยู่เสมอ " แล้ว
คำว่า " เป็นสุขเสมอเมื่อทำความดี " ความจริงเป็นประโยคที่ชัดเจนดีสามารถเป็นมาตรฐานในการดำเนินชีวิตให้กับผู้คนได้ ลูกเสือมีการบำเพ็ญตนวันละครั้ง คนเราถ้าทำความดีทุกวัน ย่อมเป็นสุขอยู่เสมอ
ในตอนแรกที่รายการ " เป็นสุขเสมอเมื่อทำความดี " นี้ออกอากาศผู้ชมต่างไม่ยอมพลาดที่จะรอชมรายการนี้กัน เมื่อสื่อมวลชนนำเรื่องราวต่างๆ ของคนที่ทำความดีในสังคมเผยแพร่ออกไปให้ผู้คนในสังคมได้รับรู้ ไม่มีใครที่จะไม่ซาบซึ้งใจ จำได้ว่าสังคมเมื่อสิบปีก่อน ทุกคนชอบดูคนที่สร้างความซาบซึ้งใจ ฟังเรื่องที่ซาบซึ้งใจ ตนเองพยายามทำตัวเป็นคนที่สร้างความซึ้งสะเทือนใจด้วย คนอื่นให้ความซาบซึ้งใจแก่เรา เราก็ให้ความซาบซึ้งใจแก่คนอื่น ต่างฝ่ายต่างซาบซึ้งใจกันและกัน สังคมนี้ช่างงดงามนัก
ที่ผ่านมา เรามักจะเห็นข่าวในหน้านิตยสาร หนังสือพิมพ์ ลงข่าวเด็กอายุสิบกว่าขวบ เรียนหนังสือไปด้วย ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ไปด้วย เช่น เป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ใช้ความสามารถของตนเองเลี้ยงดูพ่อแม่ที่พิการ เรายังเคยเห็นข่าวแม่คนหนึ่งที่ไม่รู้หนังสือ ต้องทำงานบ้านดูแลครอบครัว ทั้งยังต้องรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า ทำงานรับจ้างชั่วคราวเพื่อหาเลี้ยงส่งเสียลูกๆ ๕ - ๖ คนได้เรียนหนังสือ เราเคยเห็นหญิงชราบ้านนอก นำเงินนับแสนล้านที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตบริจาคให้กับโครงการสร้างโรงเรียน เรายังเคยเห็นเจ้าพนักงานคนหนึ่งนำเงินรายได้ของตนเองเลี้ยงสุนัขจรจัดเป็นฝูง
Wednesday, September 10, 2014
เล่อหยางกินเนื้อลูก
เล่อหยางกินเนื้อลูก
เล่อหยางเป็นนายพลที่มีชื่อคนหนึ่งของรัฐเว่ยในสมัยกษัตริย์เหวินโหวแห่งรัฐเว่ยครองราชย์ ( 408 ปี ก่อน ค.ศ. ) เขาได้เป็นแม่ทัพนำกองทัพผ่านรัฐจ้าวเข้าโจมตีรัฐจงซาน เขาวางกำลังทหารปิดล้อมรัฐจงซานไว้อย่างแน่นหนา เมื่อทางรัฐจงซานเห็นว่าไม่สามารถจะต้านทานได้จึงไปจับตัวลูกชายของเล่อหยางที่อยู่ในเมืองมามัดแล้วเอาแขวนไว้ที่หน้าประตูเมือง พร้อมกับประกาศว่าเมื่อใดเล่อหยางถอนกองทัพกลับไปจึงจะปล่อยตัวลูกชาย เสียงร้องอย่างน่าเวทนาของลูกชายดังมาเป็นระยะๆ พวกนายและพลทหารต่างมองดูสีหน้าของเล่อหยางแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เขายังคงบัญชาการให้บุกโจมตีอย่างเต็มที่
กษัตริย์ของรัฐจงซานเห็นเช่นนั้นก็ทรงกริ้วมาก ตรัสสั่งให้เอาตัวลูกชายของเล่อหยางไปฆ่าเสีย เอาเนื้อมาสับจนละเอียดแล้วเอาลงต้มเสร็จแล้วก็จัดหาคนนำออกจากเมืองไปให้เล่อหยาง หวังทำลายความตั้งใจในการบุกโจมตีเมืองของเขา แต่เล่อหยางไม่เพียงแต่จะไม่เศร้าโศกเสียใจเท่านั้น เขากลับกินเนื้อลูกชายของเขาเข้าไปหนึ่งถ้วย ชาวรัฐจงซานเมื่อรู้ถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ของเล่อหยางที่จะโจมตีเอาเมืองให้ได้แล้ว ในหมู่ทหารก็เกิดสับสนอลหม่านยิ่งขึ้น ในที่สุดเล่อหยางก็บัญชาทหารบุกเข้ายึดเมืองไว้ได้ หลังจากได้รับชัยชนะแล้วกษัตรย์เหวินโหวแห่งรัฐเว่ย ทรงปูนบำเหน็จรางวัลเป็นจำนวนมากแก่เล่อหยาง ทว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพระองค์ก็ทรงระแวงพระทัยโดยทรงดำริว่าเมื่อเล่อหยางเป็นคนที่มีนิสัยเหี้ยมโหดเช่นนี้ ย่อมเป็นคนที่พระองค์ยากที่จะไว้วางพระทัย
บันทึกใน " ซ่อย่วน "
Tuesday, September 09, 2014
ดอกอุเมะคู่กับนกไนติงเกล
ดอกอุเมะคู่กับนกไนติงเกล
ของสองสิ่งที่เข้ากันอย่างเหมาะเจาะ เหมือนเกิดมาเพื่อกันและกัน
By ปรัชญา " ซามูไร "
ข้อเด่นของอาจารย์
ข้อเด่นของอาจารย์
ฝอคู คนฉางอาน สมัยราชวงศ์ซ่ง เก็บตัวบำเพ็ญธรรมในอารามฝอคูอาน ริมผาชุ่ยผินเหยียน บนเทือกเขาเทียนไถซาน ในเขตเจ๋อเจียงตั้งแต่ยังเยาว์วัย กุฏิของท่านเป็นกระต๊อบเล็กๆ หลังคามุงด้วยหญ้าแห้ง ส่วนอาหารการกินก็พึ่งการเก็บผลไม้ป่าประทังหิว
มาวันหนึ่ง ชายตัดฟืนเดินผ่านกุฏิของท่าน จึงถามท่านด้วยความประหลาดใจว่า " ขอถามหน่อยเถิด ท่านอาศัยอยู่ที่นี่นานเท่าใดแล้ว ? "
ฌานาจารย์ตอบว่า " ประมาณ ๔๐ ปี "
ชายตัดฟืนถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า " ๔๐ ปีมานี้ มีท่านเพียงผู้เดียวบำเพ็ญธรรมอยู่ที่นี่หรือ ? " ฌานาจารย์ตอบว่า " เขาสูงป่าลึก คนเดียวก็มากพอแล้ว จะให้อยู่กี่คนเล่า ? "
ชายตัดฟืนถามต่อไปว่า " ไม่มีสหายแม้แต่คนเดียวหรือ ? " ฌานาจารย์ไม่ตอบ ท่านปรบมือหนักๆ ก็มีเสือหลายตัววิ่งออกมาทางหลังอาราม ฌานาจารย์ส่งสัญญาณให้เสือเหล่านั้นถอยกลับไป เพื่อมิให้ชายตัดฟืนตกใจกลัว แล้วพูดว่า " มีสหายไม่น้อย ในป่าดงบนภูดอยนี้ ต้นไม้ใบหญ้า งูเงี้ยวเขี้ยวขอ เสือสางบ่างค่าง ล้วนคือสหายธรรม "
Sunday, September 07, 2014
ตัวประกอบ
ตัวประกอบ
การแสดงละครเรื่องหนึ่ง นอกจากตัวพระตัวนางแล้ว ยังมีตัวประกอบอื่นๆ ด้วย แม้ว่าจะมีบทบาทที่ไม่โดดเด่นหรือสลักสำคัญอะไรนัก แต่ถ้าขาดตัวประกอบเสียแล้ว ละครย่อมไม่เป็นละคร
ธุรกิจต่างๆ ในวงสังคม มีประธาน ผู้จัดการ หัวหน้าหน่วยงาน นักวิชาการสาขาต่างๆ พวกเขาต่างเป็นบุคคลสำคัญเป็นตัวเอกของงาน อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีคนที่แสดงบทตัวประกอบอยู่ด้วย ตัวประกอบของบริษัทห้างร้านของกลุ่มองค์กร ทำหน้าที่เป็นตัวเดินเรื่อง ดังคำที่ว่า " พลทหารสร้างผลงานใหญ่ " บางครั้งจึงไม่อาจมองข้ามบทบาทของตัวประกอบเหล่านี้ไปได้
ตัวประกอบบางคนสามารถทำความดี ทำการใหญ่จนประสบความสำเร็จ แต่ก็มีบางคนที่คอยทำหน้าที่ยุแยงสร้างความแตกแยก เปรียบเหมือนการแสดงคอนเสิร์ต ถ้าหางเครื่องเต้นไม่สวย อาจทำให้ความอลังการของงานลดลงแบบนี้คือตัวประกอบแสดงได้ไม่เหมาะสม
ในวงการละครมีนักแสดงชื่อดังบางคน เดิมทีเป็นเพียงนักแสดงตัวประกอบเล็กๆ แต่ต่อมากลับกลายเป็นดารายอดนิยม ทั้งนี้เป็นเพราะความตั้งใจทำหน้าที่ของตนอย่างแข็งขันนั่นเอง
Saturday, September 06, 2014
คนโง่ซื้อรองเท้า
คนโง่ซื้อรองเท้า
ในรัฐเจิ้งมีชายผ้หนึ่งตั้งใจจะไปหาซื้อรอเท้าที่ตลาดก่อนไปเขาได้ใช้เส้นฟางมาวัดขนาดเท้าของตนเพื่อเตรียมอาไปวัดในเวลาซื้อ แต่ตอนออกจากบ้านเขากลับลืมเอาติดตัวไป
เมื่อไปถึงตลาด เขาก็เข้าไปในร้านขายรองเท้า เห็นรองเท้าคู่หนึ่งถูกใจคิดจะซื้อ แต่พอล้วงกระเป๋าดูก็ปรากฎว่าไม่ได้เอาเส้นฟางที่วัดขนาดไว้ติดตัวมา เขาจึงพูดกับเจ้าของร้านขายรองเท้าว่า
" ข้าพเจ้าลืมเอาขนาดที่วัดไว้ติดตัวมา ขอให้ข้าพเจ้ากลับไปเอามาก่อนแล้วค่อยซื้อ " พอพูดจบเขาก็รีบกลับไปบ้าน
เมื่อเขากลับมาอีกครั้งหนึ่งเป็นเวลาค่ำ ซึ่งร้านขอยรองเท้าปิดร้านไปแล้ว เขาจึงซื้อรองเท้าไม่ได้
มีคนที่ทราบเรื่องนี้แนะเขาว่า " ท่านซื้อรองเท้าใช้เองทำไมไม่เอาเท้าของท่านลองสวมดูว่าเหมาะไหม ยังจะต้องเอาเส้นฟางที่วัดขนาดมาวัดทำไม ? "
คนซื้อรองเท้าตอบว่า " ข้าพเจ้าเชื่อขนาดที่วัดมากกว่าเชื่อเท้าของข้าพเจ้าเอง "
บันทึกใน " หานเฟยจื่อ "
ปราสาททราย
ปราสาททราย
หากใครได้เคยมีโอกาสไปเที่ยวตามชายทะเลสิ่งหนึ่งที่มักจะเห็นกันมากตามชายหาดก็คือ การเล่นก่อกองทรายที่สร้างรูปต่างๆ ทั้งบ้าน ปราสาท รูปสัตว์ต่างๆ ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่น้ำทะเลขึ้นจะถูกคลื่นพัดหายไป รูปปั้นที่สวยงามเหล่านั้นก็จะกลับคืนสถาพกลายเป็นพื้นทรายดังเดิม
คำคำนี้มีความหมายคือ แผนงานหรือเป้าหมายที่ไม่มีทางจะทำให้สำเร็จได้หรือหมายถึงสิ่งที่ไม่สามารถจะดำรงอยู่ได้นาน ไม่ว่าจะเป็นกิจการ งานที่ทำโครงงานการค้าต่างๆ เนื่องจากอาจจะมีฐานรากที่ไม่แข็งแรง เปรียบเหมือนการสร้างปราสาทที่ไม่แน่น ถึงแม้จะสร้างได้สวยหรู ดูสวยงามเพียงใดก็ต้องพังทลายลงมาในที่สุด
ในช่วงที่เมืองไทยต้องพบกับเศรษฐกิจฟองสบู่แตกในปี พ.ศ. 2540 ในยุคที่คนไทยเกือบทุกคนจนกันทั้งประเทศ มีคนตกงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากการเร่งการเจริญเติบโต ทั้งๆ ที่พื้นฐานเศรษฐกิจยังไม่ดีและเป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น
จากการวิจัยของศูนย์วิจัยกสิกรไทยในช่วงก่อนหน้านั้นได้มีการวิจัยและเตือนมาโดยตลอดเวลาว่า จากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยระหว่างปี พ.ศ. 2532 - 2538 เศรษฐกิจไทยขยายตัว GDP ณ ราคาคงที่เฉลี่ยประมาณ 9.5% ต่อเนื่องจากการขยายตัวเฉลี่ย 11.4%
ในช่วงปี พ.ศ. 2530 - 2531 ราคาสินทรัพย์ระบบเศรษฐกิจยังสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน การปรับเพิ่มราคาสินทรัพย์ช่วงดังกล่าวมักจะอยู่ในอัตราสูงกว่าการขยายตัวเศรษฐกิจ แม้จะไม่มีดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์ที่จะคำนวณการปรับขึ้นราคาที่ดินช่วงดังกล่าวได้ชัดเจน
Subscribe to:
Comments (Atom)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)

.jpg)
.jpg)

.jpg)
.jpg)

.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)

.jpg)

.jpg)
.jpg)
.jpg)

.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)


.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)