Wednesday, November 12, 2014

ชีวิตที่กลับสู่วัยรุ่งโรจน์อีกครั้ง


ชีวิตที่กลับสู่วัยรุ่งโรจน์อีกครั้ง

         มีท้องที่บางแห่งทำนาได้ปีละครั้งเท่านั้น แต่หลังจากการปรับปรุงพัฒนา ปัจจุบันนี้สามารถทำนาได้ปีละสองครั้ง ชีวิตคน ที่ผ่านมาเราจะถือว่าวัยหนุ่มสาวเหมือนฤดูใบไม้ผลิ เป็นวัยรุ่งโรจน์ของชีวิต แต่เมื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวหน้า ผู้คนมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น จึงน่าจะมีชีวิตที่กลับสู่วัยรุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง


         วัยรุ่งโรจน์ครั้งแรกของชีวิต เป็นช่วงที่อายุน้อย กำลังวังชาดี มีอุดมการณ์มีความกระตือรือร้น มีความหวัง มีอนาคต มีความเชื่อมั่นที่ไม่มีใดปาน มีพลังชีัวิตสุดประมาณเฉกเช่นสรรพสิ่งในฤดูใบไม้ผลิที่เจริญงอกงาม ร่าเริงแจ่มใสโลกแห่งฤดูใบไม้ผลิของชีวิต คือช่วงวัยหนุ่มสาวซึ่งเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่น ความมีชีวิตชีวา ทุกคนจึงควรถนอมรักวัยหนุ่มสาวของตน

         แต่ว่าเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านไป ชีวิตเข้าสู่วัยชรา ปลดเกษียณจากการงานแล้ว มีความรู้ซึ้งถึงชีวิต ความมุ่งมั่นถดถอย จึงเปรียบเหมือนความแห้งแล้งในฤดูหนาว ความจริงถ้าเราได้ศึกษาวิเคราะห์ จะเห็นว่าทั้งชายและหญิงทุกคนสามารถมีวัยรุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง


          วัยอันแจ่มใสไม่ใช่อากาศ แต่อยู่ที่คน อายุไม่ใช่อยู่ที่ตัวเลข แต่อยู่ที่พลังชีวิต สมัยนี้คนอายุ 50-60 ปีก็เกษียณแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงหน้าที่การงานความจริงนี่คือช่วงวัยทองของชีวิต เป็นช่วงพลังของชีวิต เป็นช่วงที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะว่าอายุมาก มีประสบการณ์สูง ม้าแก่ชำนาญทางในการทำงานจึงไม่เหมือนเด็กเพิ่งเรียนจบที่จำเป็นต้องผ่านการฝึกฝน เรียนรู้ และก็ไม่จำเป็นต้องถูกหลอกอีกกี่คราจึงจะเชี่ยวชาญ



          วัยรุ่งโรจน์อีกครั้งของชีวิตนี้ มีประสบการณ์เปี่ยมล้น รู้เห็นมามาก ไม่ว่าจะทำอะไรจึงประสบผลสำเร็จสูง ถ้าเป็นครูอาจารย์ อาจไม่ต้องเตรียมการเรียนการสอน เข้าห้องเรียนก็บรรยายได้เป็นฉากๆ เหมือนตำราเคลื่อนที่ เรื่องมนุษย์สัมพันธ์ก็ไม่เหมือนเยาวชนที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ขัดหูขัดตา เวลาสนทนากับผู้คน คำพูดคำจามักกระทบกระทั่งผู้อื่น คนวัยอายุ 50-60 ปี ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา จึงมีปิยวาจา ชวนให้คนยินดี ให้คนอื่นเชื่อถือ นี่ไม่ใช่เป็นปรากฎการณ์ของวัยรุ่งโรจน์ของชีวิตอีกครั้งหรือ

          ชีวิตคนวัยอายุ 50-60 ปี สามารถเป็นอาสาสมัครทำงานช่วยเหลือสังคม เป็นผู้ให้การชี้แนะกิจกรรมองค์กรในท้องที่ต่างๆ ได้ มีความรู้มากมายที่จะช่วยแนะแนวทางแก่คนรุ่นหลังได้ กิริยามารยาทการวางตัวล้วนเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่นได้ นี่คือไม้ดอกที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิอย่างแท้จริง คือจุดศูนย์รวมของแสงอุลตร้า แล้วเราจะไม่ถนอมรักชีวิตที่รุ่งโรจน์ครั้งนี้ได้อย่างไร

           ชีวิตของสมาคมโฝกวงสากล ถ้าเขาเป็นสมาชิกตั้งแต่วัยรุ่งโรจน์ครั้งแรกในราวอายุ 30 ปี เมื่อเวลาผ่านไป 20-30 ปี สอบได้เป็นอาจารย์บรรยายธรรม ยามอายุ 50-60 ปี สามารถเดินทางไปบรรยายธรรมโปรดสรรพสัตว์ในที่ต่างๆ ทั่วโลก หรือแม้ว่าจะไม่สามารถเป็นอาจารย์บรรยายธรรมได้ ก็อาจเป็นอาสาสมัครของสมาคมโฝกวงสากล รับหน้าที่ในกิจกรรมต่างๆ ของธรรมสถาน เป็นผู้จัดชมรมอ่านหนังสือ ถ่ายทอดธรรมะ มีชีวิตที่ปีติสุขได้ทำชีวิตให้สวยงาม เติมเต็มให้กับชีวิตได้เช่นกัน นี่ไม่ใช่วัยรุ่งโรจน์ของชีวิตอีกครั้งหรือ

          ชีวิตที่กลับสู่วัยรุ่งโรจน์อีกครั้งนั้น ต้องไม่มีความคิดท้อแท้ หดหู่ใจ ต้องไม่แก่ ต้องทำตัวเป็นพระโพธิสัตว์ที่ีมีวิริยะความเพียรอยู่เสมอ มีจิตใจที่เอื้ออาทรต่อผู้อื่น ก้าวไปข้างหน้าด้วยวิริยะฉันทะ สองมือหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความรุ่งโรจน์ ออกไปชื่นชมสรรพสิ่งที่เจริญงอกงามยามฤดูใบไม้ผลิ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถมีได้ เป็นเจ้าของได้ ทำไมจะไม่ยินดีต้อนรับมันล่ะ

           ขอพวกเราจงมาร่วมกันยึดกุมวัยแห่งความรุ่งโรจน์ของชีวิตอีกครั้งกันเถอะ





By เซนส่องทาง

No comments:

Post a Comment