Sunday, November 30, 2014

พญามารและเทพบุตร


พญามารและเทพบุตร

          มีจิตกรชาวตะวันตกคนหนึ่ง อยากจะวาดรูปพระเยซูคริสต์ จึงยินดีจ่ายค่าตัวในราคาสูงเพื่อให้ได้นายแบบที่มีบุคลิกสง่างามน่าเลื่อมใสลักษณะคล้ายพระเยซูคริสต์ จากความพยายามเสาะแสวงหา ในที่สุดก็วาดรูปจนสำเร็จสมประสงค์

          หลายปีผ่านไป มีคนบอกว่า แม้ว่าภาพระเยซูคริสต์จะดูศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้ามีภาพมารมาเปรียบเทียบ จะยิ่งสื่อให้เห็นระหว่างความดีและความชั่ว จิตรกรท่านนี้จึงเที่ยวเสาะหาคนเลวที่มีใบหน้าขี้ริ้วขี้เหร่มาเป็นแบบ ต่อมาได้ทราบว่ามีนักโทษในคุกคนหนึ่งใจบาปหยาบช้า ทำชั่วได้สารพัดอย่าง หน้าตาดุดันเหมือนพญามารไม่ปาน หลังจากที่จิตรกรได้ปรึกษากับผู้คุมเรือนจำ จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ตัวนักโทษคนนี้เป็นแบบในช่วงที่วาดภาพ จิตรกรรู้สึกว่านายแบบคนนี้หน้าตาคุ้นมาก หลังจากได้พูดคุยสนทนากัน จึงได้รู้ว่าที่แท้นายแบบคนนี้กับคนที่เคยเป็นแบบให้เขาวาดรูปพระเยซูคริสต์คือคนเดียวกัน เพราะหลังจากที่เป็นแบบให้เขาในคราวนั้น ทำให้ได้รับเงินค่าตอบแทนสูงมากจึงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย มีชีวิตเหลวเแหลก ในที่สุดก็ตกอับติดคุกติดตะราง เมื่อจิตรกรได้ฟังแล้วนอกจากจะรู้สึกเสียดายอนาคตแทนเขาแล้ว ในส่วนลึกยังรู้สึกสะท้อนใจว่า ไม่ว่าเทพบุตรหรือพญามาร ผู้สวมบทที่แท้จริงคือมนุษย์เรานี่เอง

          ในพระพุทธศาสนาก็มีนิทานคล้ายกันนี้เล่าว่า คราวหนึ่งท่านพระสารีบุตรได้ไปเยี่ยมเพื่อที่จากกันนาน พบว่าเพื่อนท่านมีหน้าตาเหี้ยมเกรียมจึงถามถึงสาเหตุที่มา เพื่อนบอกว่าระยะนี้กำลังแกะสลักรูปยักษ์ตนหนึ่งอยู่ พระสารีบุตรจึงบอกกับเพื่อนว่า เพราะแกะสลักยักษ์มาร มองเห็นแต่หน้ายักษ์หน้ามารที่ดุดัน หน้าตาตนเองจึงพลอยอัปลักษณ์ไปด้วย ถ้าเปลี่ยนไปแกะสลักพระพุทธรูปในจิตใจจะมีแต่ความเมตตากรุณา ทำให้กายใจสุขุมเยือกเย็นตามไปด้วยอย่างนี้ไม่ดีกว่าหรือ ? เมื่อเพื่อนท่านได้ยินดังนั้นจึงเปลี่ยนไปแกะสลักพระพุทธรูปตามที่ว่า หลายปีผ่านไป จิตใจเปลี่ยน หน้าตาก็เปลี่ยน กลายเป็นคนที่มีใบหน้าอิ่มเอิบ มีเมตตากรุณาน่าชิดใกล้



          ดังที่ว่า " จิตใจอยู่ภายใน รูปลักษณ์อยู่ภายนอก " ทุกอย่างเปลี่ยนเพราะจิตเปลี่ยน แสดงออกที่ใจ ในทางพระท่านสอนว่า " หนึ่งจิตเปิดสองทวาร " " ความจริงใจดุจทวารประตู " นี่คือโพธิจิต ส่วนปุถุชนคือ " จิตเกิดทวารดับ " 

          จะเป็นพุทธะหรือปุถุชน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ใจ ในจิตใจมีสวรรค์ของอารยบุคคลแต่ในจิตใจก็มีนรกของยักษ์มารเช่นกัน ในวันหนึ่งๆ เราวนเวียนอยู่กับสวรรค์นรกไม่รู้กี่เที่ยวต่อกี่เที่ยว และในท่ามกลางมารและเทพ ไม่รู้ว่าขึ้นลงกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในจิตใจเรามีธรรมธาตุทั้งสิบครบสมบูรณ์ ในธรรมชาติทั้งสิบนี้ มนุษย์คือกลไกของการขึ้นลง เพราะเหนือมนุษย์ขึ้นไปคือพระพุทธะ พระโพธิสัตว์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวก ด้านล่างมนุษย์คือนรก เปรต เดรัจฉาน

          เราดำรงตนอยู่ในโลกมนุษย์ ถ้าสามารถใช้โพธิจิตต่อคนโลกก็จะเปลี่ยนเป็นอาณาจักรพุทธ ถ้าเราใช้จิตใจมารต่อโลก โลกก็จะกลายเป็นอาณาจักรมารตารมเรา จะพุทธหรือมารขึ้นอยู่ที่ใจ คุณอยากจะเป็นพุทธะหรืออยากจะเป็นมารจงตรึกตรองให้ดี





By เซนส่องทาง

No comments:

Post a Comment