Friday, December 07, 2012

เมืองไทย " เมืองยิ้ม " ( ตอนที่ ๑๐ )

เมืองไทย " เมืองยิ้ม " ( ตอนที่ ๑๐ )
พระแก้วมรกต

          กรุงเทพมหานคร หรือ กรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับการก่อสร้างและสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงโดยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ( รามาธิบดีที่๑ ) ในปี พ.ศ. ๒๓๒๕ ด้วยทรงตั้งพระทัยที่จะรักษาไว้ซึ่งประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยในการก่อสร้างพระอารามทางพุทธศาสนาไว้ในบริเวณพระบรมราชวัง สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ จึงทรงโปรดให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เพื่อให้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่พระองค์อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทร์ในประเทศลาว การก่อสร้างใช้เวลา ๒ ปี จึงแล้วเสร็จและหลังจากนั้นก็ได้เชิญพระแก้วมรกตจากกรุงธนบุรีมาประดิษฐานไว้ยังสถานที่ปัจจุบันในปี พ.ศ.๒๓๒๗

          ความจริงแล้ว พระแก้วมรกตนี้แกะสลักมาจากหยกก้อนใหญ่สีเขียวก้อนหนึ่งซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง ๔๘.๓ ซม. ความสูงนับจากฐาน ๖๖ ซม. พระพุทธรูปอยู่ในปางสมาธิ เท้าขวาทับท้าวซ้ายอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าพระพุทธรูปนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากที่ใด หรือใครเป็นผู้แกะสลัก ทราบแต่เพียงว่าถูกพบครั้งแรกในบันทึกในศตวรรษที่ ๑๕ ในจังหวัดเชียงราย สังเกตจากรูปทรงแล้วสันนิษฐานว่าอยู่ในสมัยเชียงแสน

          กล่าวกันว่าได้เกิดฟ้าผ่าเจดีวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทยและพระพุทธรูปถูกค้นพบว่าพอกด้วยปูน แต่นั้นมารพะพุทธรูปก็ถูกเก็บไว้กับเจ้าอาวาส ผู้ซึ่งลอกเอาปูนออกหมดในเวลาต่อมา และพบว่าเป็นพระแก้วมรกต



          ในช่วงนั้นเมืองเชียงรายอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์เชียงใหม่ กษัตริย์เชียงใหม่ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะอัญเชิญพระแก้วไปประดิษฐานที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักครั้งเดียว ดังนั้น พระพุทธรูปก็เลยถูกปล่อยให้ประดิษฐานอยู่ในลำปางเปห็นเวลานานถึง 32 ปีครั้นถึงปี พ.ศ. ๒๐๑๑ จังได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานอยู่ที่เชียงใหม่เป็นผลสำเร็จโดยพระเจ้าติโลกราช

           เมื่อพระเจ้าเชียงใหม่เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. ๒๐๙๔  พระแก้วมรกตก็ถูกอัญเชิญไปยังประเทศลาวโดยเจ้าชายไชยเชษฐาผู้ซึ่งสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าเชียงใหม่ผู้เป็นพระอัยกาของพระองค์และทรงครองเมืองเชียงใหม่ได้เพียงปีเดียว พระองค์ก็ตัดสินพระทัยกลับไปประเทศลาวเพื่อสืบทอดพระราชบัลลังก์แทนพระราชบิดาในประเทศลาว พระแก้วมรกตจึงประดิษฐานอยู่ในประเทศลาวแต่นั้นมา

            ในปี พ.ศ. ๒๓๒๑ ในรัชสมัยของพรเจ้าตากสินมหาราช เจ้าพระยาจักรี ( ผู้ซึ่งต่อมาสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าตากสินเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ) ได้เข้ายึดกรุงเวียงจันทร์ได้สำเร็จและอัญเชิญพระแก้วมรกตมายังประเทศไทย และด้วยการก่อสร้างกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง พระแก้วมรกตจึงได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดพระศรีศาสดารามและกลายเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของไทยตั้งแต่นั้นมา

          สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ได้ทรงโปรดให้ตัดผ้าคลุมขึ้น ๒ ผืน ผืนหนึ่งสำหรับฤดูร้อน และอีกผืนหนึ่งสำหรับฤดูฝน ต่อมาสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๓ ได้ทรงให้มีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งผืนสำหรับฤดูหนาวและผ้าคลุมทั้ง ๓ ผืนนี้ก็ยังคงได้รับการเปลี่ยนตามพระราชพิธีในช่วงต้นฤดูกาลของแต่ละฤดูโดยพระมหากษัตริย์






By Essays on Thailand

No comments:

Post a Comment