Wednesday, December 05, 2012

เมตตาธรรม

หนีเที่ยวกลางคืน

          เด็กวัดในวัดของท่านเซียนเหยา ชอบปีนกำแพงวัดหนีเที่ยวกลางคืน

          คืนวันหนึ่ง ขณะที่ท่านเซียนเหยาเดินตรวจวัด เห็นเก้าอี้ขาสูงตัวหนึ่งวางแอบอยู่ข้างกำแพง ก็รู้ว่ามีคนหนีเที่ยว ท่านเซียนเหยาจึงยกเก้าอี้ไปไว้ที่อื่น แล้วมายืนอยู่ตรงที่ตั้งเก้าอี้ รอศิษย์กลับมา

           กลางดึก เด็กวัดที่หนีเที่ยวกลับมาแล้ว เขาไม่รู้ว่าเก้าอี้ที่ตั้งไว้ถูกโยกย้ายไปไว้ที่อื่น พอปีนขึ้นกำแพงได้ ก็แหย่ขาอีกข้างลงมาทันที ขาข้างนั้นเหยียบอยู่บนหัวของท่านเซียนหยาอย่างพอเหมาะพอเจาะ เด็กวัดกระโดดผลุงลงมาถึงพื้น แต่ครั้นเบิกตามองชัดเจน เห็นท่านเซียนหยายืนอยู่ ก็ตกใจลนลาน

           ท่านเซียนเหยาพูดอย่างเมตตาว่า " ดึกดื่นเที่ยงคืน อากาศหนาวเย็น ระวังจะเป็นหวัด วันหลังถ้าจะออกจากวัดไปใหนดึกๆ อีก ก็อย่าลืมเอาเสื้ออีกตัวไปใส่กันลมด้วย "

           ในวัดไม่มีใครทราบเรื่องนี้ ท่านเซียนเหยาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังแต่ว่า นับแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีเด็กวัดคนไหนกล้าเที่ยวกลางคืนอีกเลย


แง่คิด

            ชนะใจคนด้วยเมตตาธรรม

            เมตตาธรรมหมายถึงความรักความปราถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตา เป็นจิตใจที่ดีงาม อ่อนโยน เบิกบานเหมือนเช่นพระอาจารย์เซนในนิทานเรื่องนี้ ท่านมีเมตตาธรรมสูงมากจึงไม่โกรธไม่เกลียดใครง่ายๆ แต่จะมองและนึกถึงผู้อื่นด้วยความรักความเข้าใจ การแก้ปัญหาของท่านจึงนุ่มนวล เป็นมิตร มีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้วยความรักความเอาใจใส่อย่างจริงจัง ท่านใช้วิธีโน้มน้าวจูงใจแทนการลงโทษ ไม่ดุดัน ไม่เฉียบขาด แต่ผลที่ได้กลับดีกว่าการใช้ความรุนแรง

            เมตตาจิตเป็นสิ่งที่ผู้มีปัญญาเท่านั้นจึงจะมีได้ เศรษฐีร่ำรวยเงินทอง นักการเมืองเรืองอำนาจ ก็มิอาจใช้เงินตรา ใช้อำนาจ เสกเมตตาจิตมาเป็นอาภรณ์ประดับบารมี

            เมตตาจิตก่อเกิดอภัยทาน เมื่อเมตตาตัวเอง เราก็จะให้อภัยตัวเองเมื่อเมตตาผู้อื่น เราก็จะอภัยให้ผู้อื่น การให้อภัยตัวเอง อะลุ่มอะล่วยผ่อนปรน หยวนๆ ให้กับตนเองนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การให้อภัยผู้อื่นผ่อนปรนไม่เอาเรื่องเอาราวกับผู้อื่นสิยาก ในประวัติศาสตร์ มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ วีรบุรุษที่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คน วีรกรรมของพวกเขา ส่วนใหญ่ก็สะท้อนถึงจิตใจที่มิอาจเมตตา มิอาจผ่อนปรนต่อผู้อื่นหรือแคว้นอื่นประเทศอื่นได้ มหาสงครามที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าสงครามนองเลือดที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปมากมายเหล่านั้น ล้วนเกิดจากจิตใจที่มิอาจอภัยให้ผู้อื่นได้ของเหล่ามหาอำนาจผู้กุมอำนาจทางการเมือง

            เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เมื่อมีจิตเมตตา ก็จะไม่โมโหฉุนฉียวด้วยเรื่องเล็กน้อย ไม่เอาเป็นเอาตายกับการแย่งชิงผลประโยชน์ซึ่งแท้จริงนั้นจิ๊บจ๊อยมาก

            เมตตาธรรมทำให้เราไม่เอาแต่ชี้หน้าตำหนิผู้อื่น จุกจิกหยุมหยิมกัดไม่ปล่อย เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ อาฆาตแค้น ดื้อรั้น ฟั่นเฟือน ฯลฯ 

            เมตตาธรรมทำให้เรารู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา จิตใจกว้างขวางขึ้นสติปัญญาดีขึ้น รู้จักให้อภัย รู้จักสมานฉันท์ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสันติสุข






By สุภาพร  ปิยพสุนทรา ( สว่าง อย่าง เซน )

No comments:

Post a Comment