Tuesday, December 04, 2012

เมืองไทย " เมืองยิ้ม " ( ตอนที่ ๙ )

เมืองไทย " เมืองยิ้ม " ( ตอนที่ ๙ )
วันเฉลิมพระชนมพรรษา

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงประสูตรเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ทรงเป็นพระราชโอรสของเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์และหม่อมศรีสังวาลย์ พระองค์ทรงเป็กษัตริย์ องค์ที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรีและทรงเป็นพระมาหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์นานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

           พระองค์ทรงได้รับการเทิดทูนว่าเป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยทั่วทั้งประเทศ พระองค์ไม่เพียงแต่เป็นที่เคารพรักของพสกนิกรของพระองค์เท่านั้น หากยังเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั้วโลกอีกด้วย

           ในทุกๆ ทีที่พระองค์เสด็จไป พสกนิกรต่างพากันมาเข้าเฝ้าชื่นชมพระบารมีอย่างล้นหลามจากการปฏิบัติภารกิจของพระองค์โดยทุ่มเทพระราชหฤทัยไปยังทวยราษฎร์นีนี่เองที่ทำให้พระองค์กลายเป็นศูนย์รวมใจของชนในชาติให้มีความสมานฉันท์และเอื้ออาทรต่อกันและกัน

          ความสนพระราชหฤทัยของพระองค์ส่วนใหญ่ก็เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่พสกนิกรทั้งนี้เห็นได้จากความวิริยะอุตสาหะของพระองค์โดยไม่ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยพระวรกายเนื่องมาจากการเสด็จเยือนพสกนิกรในถิ่นทุรกันดาร พระราชประสงค์ของการสเด็จเยือนก็เพื่อที่จะได้ทรงรับทราบความต้องการของพสกนิกรด้วยพระองค์เอง



          เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเหล่านั้น พรองค์ต้องเสด็จพระราชดำเนินเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรทั่วพระราชอาณาจักรและเมื่อใดก็ตามที่ทรงมีโอกาสพระองค์ก็ทรงเสนอแนะวิธีเอาชนะปัญหาต่างๆ จากการเสด็จเยือนสถานที่ต่างๆ เหล่านี้เองที่นำไปสู่การจัดตั้งโครงการหลวงและโครงการในพระราขดำริกว่า ๑๐๐๐ โครงการ หลังจากที่ได้รับทราบแนวพระราชดำริแล้วหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลก็จะรับไปเดำเนินการเพื่อตอบสนองพระราชประสงค์สืบไป

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นสมาชิกของเชื้อพระวงศ์อระองค์แรกที่ทรงได้รับการจดทะเบียนลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์และนั่นก็คือ " กังหันน้ำชัยพัฒนา " หรือ The Chai Pattana Aerator Model RX 2 " แต่ในทะเบียนลิขสิทธิ์เรียกว่า " Apparatus for water treatment " ( หรือเครื่องบำบัดน้ำเสีย ) ซึ่งทรงมีพระราชประสงค์เพื่อใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรมและสามารถจะพบเห็นเครื่องบำบัดน้ำเสียเช่นนี้ได้ตามแม่น้ำลำคลองที่กำลังเผชิญกับภาวะเน่าเสีย

          ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงแสดงให้เป็นที่ประจักษ์อยู่เสมอว่าพระองค์ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนอย่างถ่องแท้ โดยทั่วไปเพื่อเป็นกรปฏิบัติตามประเพณีชายหนุ่มชาวพุทธจะทำการอุปสมบทเป็นระยะเวลาหนึ่ง พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัวก็ทรงผนวชเป็นพระภิกษุที่วัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๙ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญไทยไม่ได้ระบุเพียงว่าพระมหากษัตริย์ต้องเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในศาสนาพุทธเท่านั้นแต่ยังต้องทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกของทุกๆ ศาสนาอีกด้วย พร้อมทั้งยังทรงใส่พระทัยและให้การคุ้มครองแก่ทุกลัทธิความเชื่อ อีกทั้งยังทรงให้การปฏิบัติแก่ผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆ ที่พักพิงภายใต้พระบรมโพธิสมภารอย่างเท่าเทียมกัน

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอุดลยเดชมหาราชทรงเสด็จข้สู่บัลลังก์เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ พระนามของพระองค์มีความหมายว่า " กำลังแห่งแผ่นดิน ไม่มีอำนาจใดเทียมเท่า " และนับจากนั้นเป็นต้นมา พระองค์ก็ได้ทรงปกครองราชอาณาจักรภายใต้รัฐธรรมนูญ และในพระราชพิธีราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ พระองค์ได้ให้คำสัตย์ปฏิญาณในการขึ้นครองราชย์ตามประเพณีว่า " เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรสยาม " ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพระองค์ก็ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดแล้วดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้โดยทรงมุ่งไปยังการช่วยให้พสกนิกรกินดีอยู่ดีและมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป

          เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งถือเป็นวันชาติพสกนิกรทุกหมู่เหล่าต่างพร้อมเพรียงกันแสดงความจงรักภักดีและแช่ซ้องสรรเสริญพระบารมีของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง และในโอกาสนี้ก็จะมีการทำบุญตักบาตร ประดับประดาบ้านเรือน ตึกอาคาร ด้วยธงชาติ และธงพระปรมาภิไธย ไฟประดับพระบรมฉายาลักษณ์ ชาวไทยทั่วทั้งประเทศต่างสวดมนต์อ้อนวอนพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกจงดลบันดาลให้พระองค์มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ ทรงพระเกษมสำราญ และมีพละกำลังแข็งแรงเพื่อทรงช่วยเหลือพสกนิกรตราบนานเท่านาน





By Essays on Thailand

No comments:

Post a Comment