Saturday, October 13, 2012

ทางใหนดี ????



จิ้งจอกเซน

          ท่านไป่จั้งสังเกตเห็นว่าช่วงนี้ ขณะบรรยายธรรม จะมีชายชราคนหนึ่งนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ และเมื่อการบรรยายธรรมจบลง ชายชราก็สลายตัวไปพร้อมฝูงชนทันที

          แต่อยู่มาวันหนึ่ง ชายชรามิได้จากไปพร้อมกับฝูงชน หลังการบรรยาย เขายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่นั่น ท่านไป่จั้งแปลกใจมาก จึงเดินเข้าไปถามไถ่ว่า

          " ท่านผู้เฒ่า วันนี้ยังไม่กลับบ้าน มีธุระอะไรหรือเปล่า ? "

          ชายชราตอบด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองว่า " ข้าไม่ใช่คน "

          ท่านไป่จั้งได้ยินเช่นนั้น ก็มิได้ตกอกตกใจอะไร


          ชายชราเห็นท่านไปจั้งมีท่าทีที่ปกติ จึงกล่าวตอบไปว่า " ข้าบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ตั้งแต่สมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า ครั้งหนึ่ง มีพระธุดงค์รูปหนึ่งทายปริศนาธรรมข้าว่า ' ผู้ที่บำเพ็ญตนถึงขั้นสูงสุดแล้ว จะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมหรือไม่ ' ข้าตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่า ' ไม่ตกอยู่ในบ่วงกรรม ' คิดไม่ถึงเลยคำตอบของข้าจะผิด ข้าจึงถูกทำโทษให้กลายเป็นสุนัขจิ้งจอก เวียนว่ายมา 500 ปีแล้ว อาจารย์มีฌานตบะแก่กล้า ได้โปรดชี้ทางสว่างแก่ข้าด้วยเถิด "
         
          ท่านไป่จั้งพยักหน้าอย่างมีเมตตา

          ชายชราจึงตั้งคำถามขึ้นว่า " ผู้บำเพ็ญธรรมถึงขั้นสูงสุด ยังจะตกในบ่วงกรรมหรือไม่ "

          ท่านไป่จั้งตอบว่า " ไม่ยึดติดในบ่วงกรรม "

         ชายชราดวงตาเห็นธรรมในบัดดล เขาผงกศรีษะหงึกๆ กล่าวว่า " ขอบคุณท่านอาจารย์มากๆ ตอนนี้ข้าเห็นทางสว่างแล้ว ข้าอาศัยอยู่หลังเขานี่เอง ขอท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยประกอบพิธีฝังศพแก่ข้าด้วยเถิด "

         ในถ้ำหลังเขา ท่านไป่จั้งได้พบศพสุนัขจิ้งจอกศพหนึ่งจริงๆ จึงจัดพิธีฝังศพให้ตามที่ได้รับปากไว้

แง่คิด

          ไปซ้าย ไปขวา ?

          ขึ้นข้างบนดีกว่า

          เมื่อเผชิญหน้าปัญหา กรอบความคิดมักบังคับให้เราเลือกว่า จะไปทางซ้ายหรือไปทางขวาดี

          สำหรับเซน คำตอบคือ ขึ้นข้างบน

           บุญกรรม เป็นเรื่องพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริง แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้เช่นกันว่าไม่มีจริง ด้ยเหตุนี้เอง คำถามประเภทนี้จึงเหมือนคำถามโลกแตกแบบนี้ เรามักจะเป็นเหมือนอย่างชายชราในจิ้งจอกเซนเรื่องนี้ คือ ละล้าละลัง ทำอะไรไม่ถูก แต่ถ้าเป็นเซน เซนจะตอบว่า ในเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่มีจริง ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ไม่ฝ่าฝืนกฏแห่งกรรม

           เรามักจะพาตัวเองไปยืนอยู่บนทางแพร่งของชีวิตโดยไม่รู้ตัวแล้วจะเลี้ยวไปทางซ้ายหรือทางขวาดีล่ะ ปัญหาประเภทนี้แบอยู่ตรงหน้าอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้เรามึนตึบ คิดอะไรไม่ออก แล้วเราก็หลงทางแยกแยะไม่ออกว่าทางใหนถูก ทางใหนผิด ลังเลไม่รู้ว่าจะไปทางใหนดี แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไม่ว่าเราจะเลือกไปทางซ้ายหรือว่าไปทางขวา สุดท้ายเราก็จะรู้สึกอยู่นั่นแหละว่า ตัวเองเลือกผิด ไม่น่าเลย

          ที่แย่ที่สุดคือ ระหว่างที่มัวแต่ลังเลอยู่ตรงปากทางแยกนั้นเอง โอกาสดีๆ ก็ได้หลุดลอยจากเราไปอย่างเงียบเชียบเสียแล้ว...

          " อยากเห็นโลกกว้าง ต้องขึ้นไปยืนอยู่บนปราสาทปัญญา "

          ที่พระอาจารย์เซนบอกให้ " ขึ้นข้างบน " หรือขึ้นสู่ปราสาทปัญญานั้ืน เป็นเรื่องที่มีความหมายลึกล้ำมาก เวลายืนอยู่บนที่สูงแล้วก้มมองลงข้างล่าง เราจะเห็นวิวทิวทัศน์รอบด้าน ความปีติที่เกิดจากการมองเห็น " ภูเขาทั้งหลาย ที่แท้มันก็ลูกเล็กนิดเดียว " จะทำให้เราหัวเราะได้อย่างเบิกบาน เบิกบานเพราะเกิดความเข้าใจอย่างแท้จริงแล้ว มันเป็นความจริงที่ว่า ความกว้างใหญ่ไพศาลกับความตระการบนที่สูง จะทำให้จิตใจของเราปลอดโปร่ง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ซึ่งเป็นจุดที่คนที่ยืนอยู่ในที่ต่ำ มองแต่มุมต่ำ มองไม่เห็นและคิดไม่ถึง ถ้าหากว่าเรายังไม่เคยลองเดินขึ้นไปดูข้างบนบ้าง ก็ขอบอกเลยว่า ชีวิตนี้ยังมีเรื่องน่าเสียดายอีกมากมาย

         การเดินขึ้นข้างบนน่ะ แม้แต่หมาจิ้งจอกยังบรรลุธรรมได้เลยนะจะบอกให้

         เพราะฉะนั้น จงทลายกรอบความคิดเก่าๆ ทิ้งเสีย โลกนี้ไม่ได้มีทางเลือกแค่ 2 อย่าง ซ้าย - ขวา, ถูก - ผิด, ดี - ชั่ว, ทวินิยม เป็นเพียงความเคยชินในการคิดเท่านั้น

         ผู้ที่ดวงตาเห็นธรรม ย่อมมองเห็นและยอมรับความหลากหลายของโลก






By สุภาณี  ปิยพสุนทรา ( สว่าง อย่าง เซน )
         

No comments:

Post a Comment