วันเวลานั้นยาวนาน
แต่คนวุ่นอยู่กับงานเห็นว่าสั้น
ฟ้าดินนั้นกว้างใหญ่
แต่คนใจคอคับแคบเห็นว่าเล็ก
บุปผามาลี
แสงจันทร์วันเพ็ญ
เป็นสิ่งจรุงจรรโลงใจ
แต่คนชอบความอึกทึกจอแจกลับเห็นว่าไร้สาระ
นิทัศน์อุทาหรณ์
สามีภรรยาผู้แปลกหน้า
ดอกไม้ป่าซึ่งบานสะพรั่งอยู่ในพงไพรไม่มีใครไปคอยให้ปุ๋ยไม่มีใครไปคอยจับหนอนฆ่าแมลงให้ ก็สามารถที่จะเติบโตสวยงามบานเองโรยเองเป็นอยู่เช่นนั้นทุกเดือนปี ทุกวันเวลา
ธรรมชาติผันเปลี่ยนเวียนวนมิได้หยุดชั่วนาตาปี ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปก็เป็นฤดูร้อน ฤดูหนาวผ่านไปฤดูใบไม้ผลิก็กลับมาอีก ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเป็นอื่น และไม่เคยแต่งแต้มพื้นพสุธาให้มากมายไปกว่านี้
สิ่งต่างๆ เหล่านี้บอกแก่เราว่า วันเวลาแห่งชีวิตของคนเราดำเนินไปตามธรรมชาติ อย่าปล่อยตนเองให้วุ่นกับงานจนเกินเหตุบั่นทอนชีวิตให้สั้นลง ดอกไม้ใบหญ้าดวงเดือนดวงตะวัน มันก็อยู่มาเรื่อยๆ ตามครรลองของมันอย่างปกติ เป็นที่น่าเสียดายว่า คนที่มีงานยุ่งหัวปักหัวปำนำเอาสิ่งบังตามาคลุมไว้ จนทำให้มองโฉมหน้าเดิมของมันไม่ชัดเจน
เคยมีเรืองเล่ากันสนุกๆ ว่า ในเมืองมีครอบครัวหนึ่ง เวลากลางวันคนที่ทำงานก็ไปทำงาน ที่เรียนก็ไปเรียน ตกเย็นกลับบ้านรีบไปนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ตลอดทั้งปี คนในบ้านน้อยครั้งเหลือเกินที่จะพูดคุยอะไรกัน
คืนวันหนึ่งไฟฟ้าดับ จึงไปหาเทียนไขมาจุด พอไฟติด พ่อบ้านตกใจชี้หน้าแม่บ้านว่า " เธอเป็นไคร เข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้อย่างไร ? " แม่บ้านรู้สึกแปลกใจ " ฉันกำลังจะถามคุณอยู่เหมือนกันว่า คุณเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย ! "
ลูกชายหัวเราะชอบใจว่า " นี่คือคุณพ่อ นี่คือคุณแม่ พ่อแม่ไม่รู้จักกันแล้วหรือครับ ? " เด็กฉลาดกว่าผู้ใหญ่เยอะเลย
แน่นอน มันเป็นเรื่องขำขัน แต่ก็มีส่วนที่น่าคิดอยู่เหมือนกัน คนเราเอาแต่วุ่นอยู่กับงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังเท่านั้นหรือ ? ไม่สนใจแม้แต่สิ่งอยู่รอบตัวสักนิดเลยหรือ ?
ก็เพราะเหตุนี้ คนเราจึงควรผ่อนคลายตนเองเสียบ้าง อย่าหมกมุ่นอยู่กับงานอย่างไม่ลืมหูลืมตา ควรประสานการทำงานกับการพักผ่อนให้ดี อย่าเห็นชีวิตเป็นเครื่องจักรมากนักเลย เครืองจักรมันยังต้องหยุดตรวจบ่อยๆ นี่นา !
By หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )
No comments:
Post a Comment