คิดว่าตัวเองถูก
สมัยราชวงศ์ซ่ง มีพระอาจารย์รูปหนึ่งชื่อ เหลียนฉือ ต้องการสร้างบรรทัดฐานบางอย่างให้ชาวบ้านยึดถือปฏิบัติ จึงบัญญัติความดี ๑๐ ข้อไว้ ดังนี้ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ผิดประเวณี ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่หยาบคาย ไม่เล่นลิ้น ไม่ใส่ร้าย ไม่ละโมบ ไม่โกรธเคือง ไม่มีอคติ
ต่อมา มีหลวงจีนรูปหนึ่งธุดงค์เดินผ่านมา เห็นความดี ๑๐ ข้อข้างต้นก็ถามพระอาจารย์เหลียนฉือว่า " ฌานไม่ยกย่องสิ่งใด ไม่ลดค่าสิ่งใด ท่านบัญญัติข้อห้ามต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมา มีประโยชน์อะไรหรือ ? "
พระอาจารย์เหลียนฉือตอบว่า " ขันธ์ห้าพัวพันไม่สิ้นสุด สี่มหาภูตก็คะนองไร้ใดเปรียบ ท่านจะบอกว่าไม่มีดีชั่วได้หรือ ? "
พระธุดงค์แย้งว่า " สี่มหาภูติเดิมว่าง ขันธ์ห้าก็หามีไม่ อันศีลธรรมนั้นไม่ใช่ฌาน "
พระอาจารย์จึงพูดอย่างไม่เกรงใจว่า " คนอวดรู้มีมากเหลือเกิน ตัวท่านเองก็มิใช่ของแท้ เป็นอย่างไร " นอกจากดีชั่วแล้ว เราสนทนาเรื่องอื่นด้วย ดีไหม ? "
สีหน้าพระธุดงค์ปรากฏแววโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด พระอาจารย์เหลียนฉือจึงพูดอ้อมค้อมว่า " เหตุใดท่านไม่เช็ดคราบสกปรกบนใบหน้าออกเสียก่อนเล่า ? "
คนเราถ้าคิดว่าตัวเองถูกต้อง จึงยกเหตุผลต่างๆ ขึ้นมาพูดเป็นคุ้งเป็นแควได้ แต่เนื่องจากภูมิรู้จำกัด ในที่สุดก็หมดถ้อยหมดคำเมื่อโฉมหน้าภายนอกถูกกะเทาะออก ผลที่ได้รับมิใช่ความมีหน้ามีตาจอมปลอมอีกแล้ว หากคือเสียงหัวเราะเยาะและสายตาถูกเหยียดหยามเวรกรรมแท้ๆ !
By เซ็น : วิถีแห่งความสุขที่แท้
No comments:
Post a Comment