หลีจื้อเดินทางไปยังรัฐชี้ ไปได้ครึ่งทางก็กลับสวนทางกับโปหุน โปหุนถามว่า ทำไมจึงกลับเสียกลางคัน
" ข้าพเจ้ากลัว "
" กลัวอะไร "
" ระหว่างทาง ข้าพเจ้าแวะพักรับประทานอาหารที่โรงเตี้ยมสิบแห่ง เจ้าของโรงเตี้ยมห้าแห่งพอเห็นข้าพเจ้าก็รีบกุลีกุจอเสริ์ฟอาหารข้าพเจ้าก่อนผู้อื่น "
" เรื่องแค่นั้นเองหรือ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว "
" ใครว่าแค่นั้น ท่านไม่รู้หรือว่า เวลาคนเราขาดความมั่นคงภายในความถือตัวก็จะฉายออกมาข้างนอก ไปสะดุดตาสะดุดใจคนอื่นทำให้คนอื่นเขาแสดงอาการพินอบพิเทา นั่นแสดงว่าเขากำลังตกอยู่ในสภาวะลำบาก จริงอยู่เจ้าของโรงเตี้ยมย่อมเอาใจลูกค้าทุกคน เพราะผลประโยชน์ของเขาสำคัญกว่าอื่นใด แต่สำหรับแขกเช่นข้าพเจ้า มิได้ทำรายได้แก่เขามากมายอะไร เขายังพินอบพิเทาถึงขนาดนี้ กษัตริย์แห่งรัฐชี้ซึ่งจะแต่งตั้งข้าพเจ้าในตำแหน่งใหญ่โต ซึ่งจะอำนวยประโยชน์แก่รัฐมากมาย จะให้เกียรติแก่ข้าพเจ้าขนาดไหน คิดได้ดังนั้นข้าพเจ้ากลัวใจ กลัวจะเสียคนเพราะเกียรติยศ "
" คิดได้ดังนั้นก็ดีอยู่ แต่ถึงคุณจะอยู่ที่นี่ก็หนีมันไม่พ้นดอก "
หลังจากนั้นมาไม่นานนัก...
โปหุนเดินทางมาเยี่ยมหลีจื้ออีก คราวนี้เขาเห็นรองเท้าวางอยู่หน้าที่พักของหลีจื้อมากมาย จึงหยุดยืนเอาไม้เท้าค้ำคางเบือนหน้าหนีจากที่พักของหลีจื้อ ขมวดคิ้วแล้วเดินหนีไป คนเฝ้าประตูเห็นดังนั้นจึงรีบไปรายงานให้หลีจื้อทราบ
หลีจื้อคว้ารองเท้าไม่ทันใส่รีบวิ่งเท้าเปล่าออกไปที่ประตูใหญ่ กล่าวว่า
" ท่านอาจารย์กรุณามาถึงนี่แล้ว จะไม่ให้โอวาทข้าพเจ้าบ้างหรือ "
" ป่วยการ ฉันได้บอกคุณแล้วมิใช่หรือ ว่าคุณจะหนีไม่พ้น ไม่ใช่คุณเก่งที่ทำให้คนมานับถือคุณได้ ตรงกันข้าม มันเป็นความล้มเหลวของคุณ ที่ไม่สามารถป้องกันมิให้เขามานับถือคุณ ความนับถือของคนอื่น จะมีประโยชน์อะไร ถ้าคนเราขาดความสงบภายใน "
มิตรแท้เท่านั้นที่กล้าเตือนกันตรงๆ
คนอื่นไหนเลยจะกล้าพูดให้แสลงหู
By คิดแบบ " เต๋า " นิทานปรัชญา ( ตีลังกาคิด )
No comments:
Post a Comment