Saturday, March 02, 2013

พญาเหยี่ยว ต้องซ่อนเล็บ

พญาเหยี่ยว ต้องซ่อนเล็บ

         ปรัชญาสำคัญที่แฝงในคำคำนี้ ปราชญ์ชาวญี่ปุ่นเขาเปรียบเปรยถึงคนที่มีปัญาความสามารถและร่ำรวยนั้นมักจะไม่ค่อยแสดงตัว ไม่โอ้อวด วางตัว อวดกล้ามพรั่นเพรื่อจนน่าหมั่นไส้ อาจเทียบกับสำนวนไทยในทำนองเดียวกันที่ว่า

          " คมในฝัก " หรือ " พยัคฆ์ซ่อนตัว " ก็น่าจะไม่ผิดนัก ! 

          ในด้านการค้าพอที่จะเปรียบเทียบได้กับพ่อค้าวานิชที่ประสบความสำเร็จทางการค้า แม้จะร่ำรวยถึงระดับมหาเศรษฐีเท่าใด ได้รับการยกย่อง เลิศเลอเท่าใด เขาก็ยังมีบุคลิกที่อ่อนน้อม ถ่อมตัว ไม่โอ้อวด ซึ่งเป็นสิ่งสุดยอดที่ควรมีประจำตัวไว้ทุกคน

          โซยิ อุระฮารา หลายคนที่ไม่รู้จักเขาและไม่ได้อยู่ในวงการการค้าของญี่ปุ่น ถ้าวันหนึ่งบังเอิญไปพานพบเจอเขาบนท้องถนนก็คงนึกว่าเขาเป็นคนญี่ปุ่นแก่ๆ ธรมดาๆ คนหนึ่งที่มีความสุขในบั้นปลายของชีวิต หลังจากตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอดตั้งแต่ในวัยหนุ่มเยี่ยงคนญี่ปุ่นทั่วไป 


           และโซยิ อุระฮารา คนแก่คนนี้ คงไม่เป็นจุดเด่นที่ใครๆ ให้ความสนใจเป็นแน่แท้ เพราะเขาชอบเดินไปไหนมาไหนอย่างสบายๆ ในทุกสถานที่ที่เขาอยากไป แต่งตัวก็ดูเหมือนว่าเป็นแค่นักบริหารที่ชอบใส่สูท ผูกไท ดังที่เห็นได้ทั่วไปในเมืองโตเกียว

           แต่ในวงการการค้าของญี่ปุ่นเกือบทุกระดับและของโลกต้องรู้จัก โซยิ อุราฮารา ชายวัย ๕๙ ปี คนนี้ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาเป็นซีอีโอผู้เป็นเบอร์หนึ่งของ " ไทโซะ ฟาร์มาซูติคอล " บริษัทผู้ผลิตยาขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ตระกูลของเขาถือหุ้นในไทโซะ ฟาร์มาซูติคอล ที่พ่อของอุระฮาราเป็นผู้ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. ๑๙๒๐ มีมูลค่ากว่า ๑.๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปัจจุบันชื่อของเขาจึงมักปากฏอยู่ในรายชื่อของผู้เสียภาษีประจำปีสูงสุดของประเทศเสมอมา

           หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขาก็คือคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง !

           ถ้าเป็นเมืองไทยฐานะความร่ำรวยของเขาก็ต้องประมาณเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้ายุทธ์น้ำเมาเจ้าของเครือไทยเบฟเวอร์เรจ หรือเจ้าสัว ธนินท์  เจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เจ้าสัวทั้งสองท่านก็ไม่ค่อยชอบจะปรากฏตัวต่อสื่อมวลชนเท่าใดนัก

           อุระฮาราผู้มีเรือนร่างเตี้ยล่ำตามไสตล์คนญี่ปุ่นที่เกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีคนเห็นเขาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เป็นนิจ มันแสดงถึงความสุขที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน

           เขายังชื่นชอบการมใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป คือมีบ้านที่ไม่โอ่งโถงหรูหรามากเกินไปนัก ยังชอบเดินไปทำงานเพราะได้อกกำลังกายไปในตัวและประหยัด ชอบที่จะกินอาหารเที่ยงบนโต๊ะทำงานที่มีเมนูซ้ำกันทุกวัน นั่นคือ ชาซุบวัวและขนมปังกรอบ

           การที่อภิมหาเศรษฐีอย่างอุระฮารา ชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆ นั้นสะท้อนได้ดีถึงค่านิยมของสังคมอและความเชื่อในปรัชญาชีวิตของคนญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ โดยเฉพาะสมัยศตวรษที่ ๑๗ นั่นคนที่มีอาชีพพ่อค้า จะถูกจัดให้มีสถานภาพสังคมต่ำสุดตามการจัดอันดับของลัทธิจื้อ ที่มีอิทธิพลในญี่ปุ่นอย่างมาก

           อุระฮาราออกจะถ่อมตัวเอามากๆ เกี่ยวกับความสามารถในการทำเงินของเขา และเขาเคยบอกกับทุกคนที่เข้ามาสัมภาษณ์ว่า

           " ผมทำเงินได้มากขนาดนี้ไม่ใช่เพราะความสามารถของผมเพียงคนเดียวหรอกครับ "

           ยิ่งกว่านั้นเขายังทำตัวเหมือนคนญีปุ่นทั่วไป คือเมื่อเงินเดือนออกก็มอบเงินรายได้นั้นให้ภรรยาไปหมด ตัวเขาเองมีเงินติดกระเป๋าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินประมาณเดือนละ ๗๐ ดอลลาร์สหรัฐและอีก ๗๐ ดอลลาร์สหรัฐสำหรับซื้อหนังสืออ่านเท่านั้น

           ในบ้านเรานั้น เจ้าสัว คหบดีใหญ่จริงๆ ( หมายถึงเจ้าสัวตามความหมายนั้นจริงๆ ไม่ใช่เจ้าสัวกำมะลอที่แต่งตัวโก้ ซื้อของแพงไปวันๆ แต่ยังเป็นหนี้แบงก์มหาศาล ) ก็ล้วนแต่มีอุปนิสัยที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ เพราะพวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขาหามาได้นั้นคือหยาดเหงื่อทุกเม็ดที่เขาเสียลงไป

           และในอีกด้านของชีวิตที่สวยงาม ศาสดา นักคิด นักปรัชญาที่ทรงความรู้ความสามารถ เขาเหล่านั้นก็ล้วนมีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่อย่างสมถะ เพราะเขาเหล่านั้นรู้ซึ้งถึงการที่จะมีชีวิตที่คุ้มค่า เคารพในธรรมชาติทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นข้อคิดที่ดีมากๆ สำหรับทุกคนบนโลกใบนี้

           โซยิ อุระฮารา หลายคนที่ไม่รู้จักขาและไม่ได้อยู่ในวงการค้าของญี่ปุ่น ถ้าวันหนึ่งบังเอิญไปพานพบเจอเขาบนท้องถนนก็คงนกว่า เขาเป็นคนญี่ปุ่นแก่ๆ ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีความสุขในบั่นปลายของชีวิต หลังจากตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอดตั้งแต่ในวัยหนุ่มเยี่ยงคนญี่ปุ่นทั่วไป

           แต่ในวงการค้าของญี่ปุ่นเกือบทุกระดับและของโลกต้องรู้จัก

           หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขาก็คือคนทีรวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง!!!!





By ปรัชญา ซามูไร

No comments:

Post a Comment