กาลครั้งหนึ่ง...
ชายคนหนึ่งชื่อชีเหลียง ล้มป่วยเป็นเวลา ๗ วัน ลูกๆ จะตามหมอมารักษา เขาก็ห้ามไว้ เมื่ออาการลูกๆ ของเขาไม่ทราบจะทำอย่างไร จึงร้องให้คร่ำครวญรอบตัวเขา
หยางจู เพื่อนสนิทของชีเหลียงไปเยี่ยม ชีเหลียงกล่าวกับหยางจูว่า
" ลูกของข้ามันโง่ แก่ช่วยร้องเพลงให้พวกมันฟังหน่อยซิ "
หยางจู ร้องเพลงว่า
สวรรค์ยังไม่รู้ มนุษย์จะรู้อย่างไร
พรมิได้มาจากฟากฟ้าสุราลัย
ทุกข์ก็มิใช่ผลของความชั่วที่โง่เง่า
แกกับฉันมิใช่หรือที่โง่เง่า
หมอทั้งหลายเล่าเขาจะรู้อะไร
ลูกๆ ของชีเหลียงฟังแล้วไม่เข้าใจความหมาย ในที่สุดจึงไปตามหมอมาสามคน ชื่อหมอเฉียว หมอหยู และหมอลู่ตามลำดับหมอเฉียวตรวจดูอาการแล้วกล่าวว่า
" โรคของท่านเกิดจากการกินอาหารผิดสำแดง หมกมุ่นในกามารมณ์และกังวลมากเกินไป "
ซีเหลียงตวาดว่า
" ไอ้หมอเส็งเคร็ง ไล่มันไป "
หมอหยู กล่าวว่า
" โรคของท่าน มิใช่เพิ่งจะเป็น มันเกิดมานานแล้วและลุกลามมาเรื่อยๆ จนรักษาไม่หายแล้ว "
ซีเหลียงกล่าวว่า
" หมอคนนี้ดี เชิญอยู่กินข้าวเย็๋นด้วยกัน "
หมอลู่กล่าวว่า
" โรคของท่านมิได้มาจากสวรรค์ มิได้มาจากมนุษย์ และภูตผีปีศาจ ท่านเองก็รู้ว่าอะไรมันควบคุมระบบชีวิตและร่างกายของท่าน จะกินยาหรือฉีดยาไปทำไม "
ซีเหลียงกล่าวว่า
" คนนี้เป็นหมอเทวดา ให้ค่าสมนาคุณเขามากๆ แล้วส่งเขากลับไป "
จากนั้นมาไม่นาน อาการป่วยของซีเหลียงก็หายขาดไปเอง โดยไม่ต้องกินยาอะไร
ถึงจะให้ความสำคัญแก่ชีวิต ก็ใช่จะรักษามันไว้ได้
ถึงจะดูถูกชีวิต ก็ใช่ว่ามันจะรีบดับในทันใด
ถึงดูแลร่างกายอย่างดี ก็ใช่ว่าจะช่วยให้มันอยู่ตลอดไป
ถึงจะปล่อยปละละเลย ก็ใช่ว่ามันจะดับสลายในทันใด
คนให้ความสำคัญแก่ชีวิตก็ยังตาย
คนดูถกชีวิต แต่ก็ไม่ตาย ( ทันใด )
คนดูแลร่างกายอย่างดี ยังออดๆ แอดๆ
คนไม่เอาใจใส่ร่างกาย กลับสุขภาพแข็งแรง
ทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่ามันไร้เหตุผล แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ชีวิตและความตาย สวัสดิภาพและอันตราย มันเป็นไปด้วยตัวมันเอง
คนให้ความสำคัญแก่ชีวิต
ไม่ตาย ( ทันใด)
คนดูถูกชีวิต
ตาย ( ทันใด )
คนดูแลุขภาพดี
มีสุขภาพดี
คนไม่เอาใจใส่ร่างกาย
เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ
ทั้งหมดนี้ ดูเหมือนมันสมเหตุสมผล แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ชีวิตและความตาย สวัสดิภาพและอันตรายมันเป็นไปด้วยตัวของมันเอง
By คิดแบบ " เต๋า " นิทานปรัชญา ( ตีลังกาคิด )
No comments:
Post a Comment