คนกินเนื้อสัตว์มี " ปัญญา "
ที่รัฐฉีมีชายสองคนที่ไม่มีงานการอะไรทำ มาพบกันเข้า นาย ก. ถอนใจกล่าวว่า " เราเกิดมาก็มีพ่อมีแม่เหมือนพวกขุนนางทั้งหลาย แต่ทำไมพวกเขาถึงได้ฉลาด ส่วนพวกเรากลับโง่อย่างนี้ ? "
นาย ข. กล่าวว่า " เรื่งนี้ตอบง่ายนิดเดียว ก็เพราะพวกเขากินเนื้อทุกวันถึงได้ฉลาดกว่าเรา ส่วนพวกเราล่อแต่ผักหญ้าอาหารหยาบๆ จะให้ฉลาดได้อย่างไร ? "
นาย ก. ฟังแล้วดีใจพูดว่า " เรื่องนี้ก็ไม่ยากเหมือนกัน วันนี้บังเอิญข้ามีเงินติดตัวมาด้วย เราไปซื้อเนื้อหมูมาลองกินดูเอาไหม ? "
อีกไม่กี่วันต่อมา ชายสองคนนี้ก็เจอกันอีก และต่างพูดว่าพอกินเนื้อหมูเข้าไปเพียงไม่กี่วัน ก็รู้สึกว่าหัวสมองฉลาดขึ้นไม่น้อย ไม่ว่าเจอปัญหาอะไรก็รับมือได้ นอกจากฉลาดแล้วยังสามารถจะชี้แจงเหตุผลได้ด้วย
" สมมติว่า " นาย ก. คุยอวด " ทำไมนิ้วเท้าของคนจึงอยู่ข้างหน้าแทนที่จะอยู่ข้างหลัง เมื่อก่อนนี้ข้าไม่เข้าใจ แต่เวลานี้เข้าใจแล้วว่าเป็นเพราะกลัวคนที่เดินอยู่ข้างหลังจะเหยียบเอา ! "
" เรื่องนี้ยังไม่ลึกซึ้งเท่าไร่ " นาย ข. พูดขัดขึ้น " ทำไมรูจมูกของคนจึงอยู่ข้างล่าง ข้าจะบอกให้ นั่นก็เพราะกลัวว่าเวลาฝนตกน้ำจะไหลเข้าไป "
อ้ายจื่อได้ฟังแล้วก็ถอนใจพูดว่า " ข้าคิดว่าคนที่กินเนื้อปลาเสพสุขอยู่ทุกวันนี้สติปัญญาของพวกเขาก็พอๆ กับเจ้าสองคนนี้เหมือนกัน
บันทึกใน " อ้ายจื่อจ้าซ่อ "
มุมมองปรัชญา
สติปัญญาของคนเรานั้น ที่สำคัญเกิดจากความพยายามทางอัตวิสัยของตนโดยฝึกฝนจากการปฏิบัติทางสังคม หาใช่เกิดจากการกินเนื้อมากหรือน้อยไม่ ยังมีคำโบราณของจีนว่า " คนกินเนื้อสัตว์ต่ำช้า สายตาไม่ไกล " หมายถึงคนที่เป็นเจ้าขุนมูลนายมีชีวิตสำเริงสำราญ ห่างเหินจากสภาพเป็นจริงและมวลชน ซึ่งจะกลายเป็นคนที่โง่เง่าไม่เอาไหน ตรงกันข้าม คนธรรมดาสามัญที่ฝึกฝนจากการปฏิบัติอยู่เป็นประจำมักจะมีสติปัญญาดี
By ปรัชญาชีวิตใน สุภาษิตจีน
No comments:
Post a Comment