Saturday, December 08, 2012

หลงอำนาจชั่วเวลาหนึ่ง จักเศร้าสลดไปชั่วนิรันดร์




ผู้ดำรงรักษาไว้ซึ่งศีลธรรม
จักหดหู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ผู้พึ่งพาอำนาจอิทธิพล
จักเศร้าสลดไปชั่วกัลปาวสาน
ผู้รู้แจ้งจักเล็งเห็นสิ่งซึ่งอยู่นอกวัตถุ
คำนึงถึงเกียรติยศชื่อเสียงยิ่งกว่าชีวิต
ยินดีจะรับความว้าเหว่ชั่วเวลาหนึ่ง
จักไม่ยอมโศกาอาดูรไปชั่วนิรันดร


นิทัศน์อุทรหรณ์
นิทานของปาท่องโก๋

          สมัยราชวงศ์ซ่ง ชนชาติจินซึ่งอยู่ทางเหนือรุกรานลงใต้ ยึดแผ่นดินของราชวงศ์ซ่งไปครองได้กึ่งหนึ่ง

           มีแม่ทัพของราชวงศ์ซ่งคนหนึ่งชื่อเย่เฟย ( งักฮุย ) นำกองทัพออกต่อต้านทัพชนชาติจิน อย่างสุดความสามารถ สามารถตีทัพชนชาติจิน ได้พ่ายแพ้ไปครั้งแล้วครั้งเล่า

           ทหารจินพอเห็นธงประจำทัพของงักฮุยซึ่งมีตัวอักษรว่า " งักฮุยผู้จงรัก " เท่านั้น ก็ตกใจจนขวัญบินต่างพากันแตกหนีกระเจิงไม่กล้าเข้ารบด้วย


           แต่ราชวงศ์ซ่งมีฮ่องเต้โฉดเขลาเบาปัญญาอยู่องค์หนึ่ง พระนามว่า พระเจ้าซงเกาจงฮ่องเต้ พระองค์ต้องประสงค์แต่เพียงให้สามารถครองราชบัลลังก์อยู่ได้ตลอดไปเท่านั้น แม้จะต้องประสงค์แต่เพียงให้สามารถครองราชบัลลังก์อยู่ได้ตลอดไปเท่านั้น แม้จะต้องสูญเสียดินแดนไปเรื่อยๆ พระองค์ไม่สนพระทัย ซ้ำยังทรงรับฟังคำเพ็ดทูลของฮินฮุยคนขายชาติ ส่งป้ายทองไปเรียกตัวเย่เฟยกลับจากแนวหน้าถึง 12 ครั้ง

          และในที่สุดเย่เฟยก็ถูกฉินฮุ่ยประหารชีวิตเสียด้วยความผิดที่ " ไม่จำเป็นต้องมี " !

          ประชาชนรับทราบข่าวนี้ด้วยความเดือดแค้นต่างร้องไห้อาลัยรักเย่เฟยกันทั่วหน้า เพื่อถ่ายทอดแสดงออกซึ่งความโกรธแค้น พวกเขานำแป้งสาลีมาปั้นเป็นรูปของฉินฮุ่ยกับภรรยา แล้วติดกันเป็นคู่ นำไปทอดในน้ำมันเพื่อแก้แค้นแทนเย่เฟยเรียกว่า " อี๋วจ้าฮุ่ย " หรือ " ฉินฮุ่ยทอดน้ำมัน " ( เมืองไทยสมัยก่อนเรียกว่า " อิ้วจาก้วย " ต่อมาเพี้ยนเป็น " ปาท่องโก๋ " แต่ทางใต้ยังเรียกว่า "จาก้วย " อยู่ )

          ในปัจจุบัน ที่ข้างสะพานซีเหลิ่งริมทะเลสาบซีหูในเมืองหังโจวมีสุสานของเย่เฟยอยู่ ผู้ที่ไปทัศนาจรทะเลสาบสีหู จะต้องพากันไปเยือนเพื่อเคารพวีรชนเย่เฟยท่านนี้ทั่วทุกคน

           ส่วนรูปหุ่นเหล็กหล่อของฮินฮุ่ยสามีภรรยาซึ่งคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพของเย่ฟย กลับถูกเตะถีบถ่มน้ำลายจากผู้ไปเยือนไม่เว้นแต่ละวัน แม้รปหล่อนี้จะชำรุดและซ่อมแซมเป็นหลายครั้งก็ตาม ก็ยังถูกผู้คนทั้งหลายที่ชิงชังในพฤติการณ์ของฉินฮุ่ยถีบกระทืบและถ่มน้ำลายรดอยู่ไม่ขาด

           ฉินฮุ่ยผู้รักตัวกลัวตาย เมื่อตอนที่มีอำนาจอยู่ ได้กระทำแต่เรื่องเลวๆ อย่างฮึกเหิม กล้าแม้กระทั่งขายชาติ หาศีลธรรมคุณธรรมอะไรมิได้เลย เขาจึงได้รับแต่การด่าทอสาปแช่ง ชื่อเสียงเหม็นคลุ้งไปทั่วฟ้าดิน ตราบเท่าทุกวันนี้

            ส่วนเย่เฟย แม้จะถูกกล่าวหาต่างๆ นานา และต้องตายในเงื้อมมือของคนเลว แต่นามอันทรงเกียรติของเขา ได้จารึกอยู่ในใจของประชาชนจีนอยู่เป็นนิรันดร์ และจะขจรขจายไปชั่วฟ้าดินสลาย

            เพราะฉะนั้น ผู้ที่ดำรงคงไว้ซึ่งศีลธรรม จะเหงาเศร้าก็แต่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ส่วนผู้ที่ถืออำนาจบาตรใหญ่แต่ประพฤติชั่ว กลับจะโศกสลดรันทดใจไปชั่วกัลป์ ! 

            ด้วยเหตุนี้ ผู้รู้เหตุและผลจะสามารถมองเห็นพลังทางจิตใจที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ หรือสรรพสิ่งได้ชัด เขาจึงสามารถใช้ความคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนคิดได้ไกล ยอมหดหู่เหงาเศร้าอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่จะไม่ยอมละทิ้งคุณธรรมที่ตนพึงรักษาไว้เพื่อมิให้ถูกคนรุ่นหลังทอดทิ้งเมินหนี เหม็นตลบไปชั่วกัลปาวสาน ! 




By หงอิ้งหมิง ( สมัยราชวงศ์หมิง ) " สายทานแห่งปัญญา "

No comments:

Post a Comment