ณ หุบเขาแห่งหนึ่ง
อาจ้างเข้าป่าไปล่าสัตว์กับพรรคพวกจำนวนมาก เขาสั่งให้พรรคพวกจุดไฟเผาป่าเพื่อไล่เนื้อออกจากที่ซ่อน บังเอิญคราวลมแรง ไฟได้ลุกลามออกไปไกลตั้งสิบไมล์
ขณะที่เปลวไฟกำลังลุกไหม้อยู่นั้นมีชายคนหนึ่งออกมาจากซอกเขาฝ่ากองไฟออกมหยุดยืนพักหนึ่งแล้วก็ล้มลงท่ามกลางกลุ่มควันและเปลวเพลิง
ใครๆ ก็นึกว่าเขาคงถูกไฟเผา เหลือแต่เถ้าถ่านไปแล้ว แต่ที่ไหนได้พอไฟซาลงเขาก็เดินออกมาอย่างเชื่องช้าคล้ายกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาจ้างรู้สึกประหลาดใจมาก มันเป็นไปได้อย่างไร ? เขาคิดพลางเพ่งดูชายแปลกหน้าไปตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ก็เห็นว่าเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ นี่เองได้เป็นเทวดามาจากไหน แต่ทำไมจึงทนไฟได้สืบเท้าเข้าไปถามว่า
" ท่านผู้อยู่ในหุบเขา ท่านเดินฝ่ากองไฟมาได้อย่างไร "
ชายแปลกหน้าเลิกคิ้วสงสัย
" หุบเขา ? กองไฟ ? ท่านหมายถึงอะไรกัน "
" อ้าว ก็สถานที่ที่ท่านเพิ่งออกมานั่นคือหุบเขา และที่ท่านเดินลุยอยู่นั่นคือกองไฟ "
" อย่างนั้นหรือ ข้าพเจ้าไม่ยักรู้ "
เรื่องนี้ได้เล่าถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนกลายเป็นนิทานปรัมปรา
ต่อมา ขงจื้อได้บอกถึงเรื่องนี้ว่า
" คนที่เข้าถึงความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง
จะสามารถมีอานุภาพเหนือคนธรรมดา
ไม่มีอะไรทำอันตรายหรือกีดขวางเขาได้
เขาจะลุยไฟ เดินบนผิวน้ำ เหาะเหินเดินดาว
หรือจะเดินทะลุกำแพงหนาทึบก็ย่อมทำได้ทั้งนั้น "
" ถึงแม้ข้าพเจ้าจะสามารถทำได้
แต่ข้าพเจ้าก็สามารถไม่ทำได้เหมือนกัน "
By คิดแบบเต๋า ( นิทานปรัชญา ตีลังกาคิด )
No comments:
Post a Comment