ในกาลเวลาช้านานมาแล้ว มีพ่อค้าสองนาย คนหนึ่งอาศัยอยู่ในเมือง อีกคนหนึ่งอยู่ที่ชานเมือง หรือที่คนเมืองมักเรียกว่าบ้านนอก ทั้งสองคบหากันเป็นมิตรสหาย มาช้านานแล้ว
อยู่มาวันหนึ่ง พ่อค้าบ้านนอกซึ่งมีอาชีพขายเครื่องเหล็ก มีธุระจำเป็นต้องไปต่างเมืองหลายวันจึงนำเครื่องเหล็กมาฝากไว้กับพ่อค้าชาวเมือง
ต่อหน้าพ่อค้าบ้านนอกนั้นเขาได้รับปากว่าจะดูแลเครื่องเหล็กทั้งหลายที่พ่อค้าบ้านนอกฝากได้เป็นอย่างดี แต่ภายในจิตใจนั้นได้เกิดความละโมบ ครั้นพอเพื่อนเกลอคล้อยหลังไปเขาได้นำเครื่องเหล็กไปขาย ซึ่งได้เงินมามากมาย
เมื่อพ่อค้าบ้านนอกเดินทางกลับจากต่างเมือง และมารับเคื่องเหล็กที่ฝากไว้ พ่อค้าชาวเมืองได้แจ้งว่าเครื่องเหล็กนั้นถูกหนูวายร้ายกัดกินเสียหมดแล้ว พร้อมกับพาไปดูห้องเก็บของที่เขานำมูลหนูมาโรยไว้เพื่อตบตาพ่อค้าบ้านนอก
แม้จะเป็นพ่อค้าบ้านนอกแต่เล่ห์กลเช่นนี้หาทำให้เขาหลงเชื่อไม่ เขารู้ว่าเพื่อนเกลอยักยอกบดบังเครื่องเหล็กไว้เสียแล้ว จึงคิดอุบายที่จะสั่งสอนพ่อค้าชาวเมืองขึ้น
โดยทำทีว่าจะชวนบุตรชายของเพื่อนไปอาบน้ำยังท่าน้ำใกล้บ้าน แต่ความจริงแล้วเขานำไปฝากไว้กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง จากนั้นจึงรีบวิ่งมาทำอุบายแจ้งแก่พ่อค้าชาวเมืองผู้ฉ้อฉลว่า บุตรชายของเขาถูกเหยี่ยวโฉบไปเสียแล้ว
พ่อค้าชาวเมืองโกรธเป็นอันมาก ต่อว่าพ่อค้าบ้านอกให้นำบุตรชายของเขาคืนมาให้ได้ พร้อมกับแสดงความเห็นว่าบุตรชายของเขาคงไม่ได้ถูกเหยี่ยวโฉบไปอย่างแน่นอน ในโลกนี้จะมีเหยี่ยวยักษ์ที่สามารถโฉบคนตัวโตๆ ไปได้หรือ
นายวาณิชบ้านนอกได้ทีกลับว่าย่อมมีแน่ เพราะยังมีหนูที่กินเหล็กได้คำตอบนี้เพิ่มความโกรธให้กับพ่อค้าจอมฉ้อฉลที่ยักยอกเครื่องเหล็กของตนไปขาย เขาตวาดและออกคำสั่งให้นำบุตรชายมาคืนอีกครั้ง
เป็นโอกาสดีของนายวาณิชบ้านนอก เขาจึงเสนอข้อแลกเปลี่ยนว่าหากต้องการบุตรชายคืนละก็ ให้นำเอาเครื่องเหล็กมาคืนก่อน เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องกลอุบายที่เพื่อนนำมูลหนูมาโรยในห้องเก็บของ แล้วบอกว่าหนูกินเหล็กหมดแล้ว
ด้วความรักและเป็นห่วงบุตรชาย พ่อค้าชาวเมืองจึงยอมสารภาพว่าเขาได้นำเครื่องเหล็กไปขายเสียหมดแล้ว แต่จะยินยอมจ่ายคืนเป็นเงินให้เป็น ๒ เท่า เมื่อได้ยินเช่นนี้พ่อค้าบ้านนอกก็นำบุตรชายของเพื่อนมาส่งคืน และรับเงินค่าเสียหายไป
นิทานชาดกเรื่องนี้สอให้รู้ว่า
อย่าคิดว่าเรามีปัญญาเหนือผู้อื่น
จะใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงเขาได้ฝ่ายเดียว
เพราะอาจมีคนรู้ทันและซ้อนกลได้
สมดังภาษิตที่ว่า " เกลือจิ้มเกลือ "
นิทานชาดก
No comments:
Post a Comment