Saturday, September 20, 2014

หมากับลิง


หมากับลิง

        คนญี่ปุ่นเขานิยมใช้สำนวนนี้กับของสองสิ่งที่มีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด เปรียบเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างหมากับลิงที่มีนิสัยแตกต่างกันจนไม่สามารถจะเข้ากันได้เลย ถ้าเปียบเป็นสำนวนไทยคงจะเป็น " น้ำกับน้ำมัน " หรือ " ขมิ้นกับปูน "

        ในทางการค้าก็อาจจะเปรียบได้กับคู่แข่งทางการค้าที่ต้องสู้กันในเรื่องของผลประโยชน์ ถือว่าอยู่คนละฝั่ง แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่าในโลกนี้นั้นไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร เราจึงเห็นว่าในบางครั้งคู่แข่งทางการค้าอาจจะจับมือร่วมกันเพื่อผลประโยชน์บางอย่างเหมือนกัน หรือว่ามีวิธีการทำการตลาดที่คล้ายคลึงกัน รอเพียงวันเวลาที่จะต่อยอดร่วมกัน

        การแข่งขันของค่ายเพลงรายใหญ่ของประเทศอย่างแกรมมี่อับอาร์เอสตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เรียกได้ว่าเป็นไปอย่างเข้มข้นชนิด " ผลัดกันรุกผลัดกันรับ " ทั้งในเชิงของตัวศิลปิน กลยุทธ์การทำตลาดเพื่อชิงความได้เปรียบ การนำเทคโนโลยีมาต่อยอดคอนเทนท์ที่มีอยู่ อย่างล่าสุดค่าย " อาร์เอส " ก็ได้ตัดสินใจปลดล็อกระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ หรือที่เรียกว่า " ดี อาร์ เอ็ม " หลังเปิดให้บริการจำหน่ายเพลงออนไลน์มาเกือบ 2 ปี ขณะที่ค่าย " แกรมมี่ " กลับยืนหยัดบนเส้นทางการจำหน่ายเพลงออนไลน์แบบเดิม จึงเป็นประเด็นว่าเกมนี้ใครชิงความได้เปรียบกันแน่



        นายวรพจน์  นิ่มวิจิตร ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานอาร์เอสดิจิตอล ค่ายอาร์เอสดิจิตอลพูดถึงตัวเลขการดาวน์โหลดหลังปลดล็อกดีอาร์เอ็ม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงการขยับตัวของอาร์เอสในครั้งนี้ว่ามาถูกทาง

         กับตัวเลขเกือบ 2 ล้านโหลดสำหรับนายวรพจน์แล้วถือเป็นการเติบโตที่ดีทีเดียว แต่ทว่าเป้าหมายของอาร์เอสนั้นวาดหวังไว้ใหญ่กว่านี้คือ ต้องผลักดันยอดการโหลดให้เพิ่มขึ้นอีก ทำให้เขาต้องกลับมาขบคิดหสยุทธวิธีใหม่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดการปลดล็อกดีอาร์เอ็มในวันนี้

         เขาให้เหตุผลว่าแม้การขายเพลงออนไลน์ผ่านไฟล์เพลง WMA (DRM) จะไปได้ดีนั้น แต่การเพิ่มยอดดาวน์โหลดให้สูงขึ้นผ่านรูปแบบการขายเพลงดังกล่าวนั้นนับเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก เนื่องจากปัจจุบันเครื่องเล่นเพลงพกพาที่ซัพพอร์ตไฟล์ WMA (DRM) ในตลาดมีจำนวนน้อย โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% จากตลาดรวมเครื่องเล่นเพลงพกพาในเมืองไทยปัจจุบันที่มูลค่าประมาณ 5 ล้านเครื่อง

         ปัจจัยที่หนุนให้การดาวน์โหลดดิจิตอลมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เป็นเพราะกระแสคความต้องการของลุกค้าในตลาดที่หันมาบริโภคคอนเทนท์ ผ่านช่องทางโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต รวมถึงการเติบโตของตลาดเครื่องเล่นเอ็มพี 3 บอร์ดแบรนด์ และโทรศัพท์มือถือ ก็ล้วนเป็นคีย์หลักในการกระตุ้นและผลักดันให้ตลาดขยายตัวได้ในสัดส่วนที่มาก

        ฝั่งค่ายเพลงยักษ์ " แกรมมี่ " ภายใต้การคุมทัพของนายสุวัฒน์  ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทจีเอ็มเอ็ม ดิจิตอล โดเมน จำกัด ที่ถึงแม้จะเริ่มขยับตัวช้าไปนิดและคิดต่างมุมไปสักหน่อยแต่ก็เรียกได้ว่ามีการเติบโตด้วยดี และด้วยรูปแบบของการดาวน์โหลดกับสภาพเศรษฐกิจและพฤติกรรมลูกค้า ยิ่งทำให้เขามั่นใจกับ " บิสิเนส โมเดล " การจำหน่ายเพลงในรูปแบบดิจิตอลไฟล์หรือดีอาร์เอ็มว่ามาถูกทางเช่นกัน

        สิ่งที่ทำให้ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ออกปากอย่างมั่นใจ เป็นเพราะหากดูจากรายได้ในกลุ่มธุรกิจดิจิตอลของแกรมมี่วันนี้ที่มีตัวเลขสูงเกือบ 500 ล้านบาท สุวัฒน์บอกว่าถือเป็นตัวพิสูจน์ได้ว่าวิธีที่แกรมมี่คิดนั้นถูกต้อง และหากจะวัดจากยอดการดาวน์โหลดเพลงในระบบปัจจุบันซึ่งมีเกือบ 2 ล้านโหลดก็ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าโมเดลที่ขับเคลื่อนมานั้นถูกทางและเหมาะสมที่สุดกับตลาดเมืองไทย

         แม้จะมั่นใจกับสิ่งที่คิด แต่เขาก็ยอมรับว่าปัจจุบันเว็บไซค์จำหน่ายเพลงชื่อดังอย่าง iTune เองก็ได้ปรับรูปแบบการขายเพลงมาจำหน่ายใน 2 แบบเช่นกัน ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่สำหรับตลาดเมืองไทยต้องคิดให้ดี เพราะปัญหาสำคัญของตลาดดิจิตอลคอนเทนท์ก็คือ " สินค้าผีราคาถูก " ซึ่งหากปลดล็อกดีอาร์เอ็มแล้วราคาขายไม่ถูกกว่าแผ่นผีย่อมไม่เกิดประสิทธิผลเช่นกันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยแล้ว ลูกค้าย่อมต้องการสินค้าราคาประหยัดเป็นหลักก็ว่าได้

         การทำงานของทั้งสองค่ายเพลงที่ยกมาเป็นตัวอย่างนั้นก็เพื่อที่จะแสดงให้เห็นภาพที่เด่นชัด เพราะในอดีตนั้นทั้งสองค่ายนี้เคยร่สมมือปราบปรามซีดีเพลงเถื่อนร่มกันมาแล้ว แลัอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า... ในโลกการค้านั้น ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร





By ปรัชญา " ซามูไร "

1 comment:

  1. Enthusiastic words written in this blog helped me to enhance my skills as well as helped me to know how I can help myself on my own. I am really glad to come at this platform.ขาย บอร์ด เกม

    ReplyDelete