Friday, March 01, 2013

ปรัชญาเมธี

ปรัชญาเมธี ผู้ไม่ติดอดีต

          สมัยหนึ่ง...

           ในประเทศจีนสมัยโบราณ มีสำนักปรัชญาเกิดขึ้นหลายสำนัก ต่างก็มุ่งสร้างสังคมในอุดมคติตามแนวคิดของตน ลัทธิขงจื้อยืนยันเรื่องการดำรงรักษาไว้ซึ่งจารีตประเพณีอันดีงาม นักการเมืองต้องเป็นแบบอย่างที่ดีทางด้านจริยธรรม ลัทธิเต๋าของปรมจารย์เล่าจื้อ และจวงจื้อ เห็นว่าสังคมในอุดมคติจะมีได้ ก็ต่อเมื่อคนได้ละทิ้งประเพณีอันฟุ่มเฟือย หนกลับไปสู่สภาพที่เรียบง่ายตามธรรมชาติ ส่วนหยางจื้อ มีความเห็นว่า สิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตควรค่าแก่การดำรงอยู่คือ สนองความต้องการทางธรรมชาติ เช่น เกษมสำราญจากอาหาร เครื่องแต่งกาย และชื่นชมความงามและดนตรี ม่อจื้อเชื่อมั่นในสถาบันสังคม เห็นว่าการจัดระเบียบสังคมที่ดี ต้องอาศัยหลักการของการมีความรักในมนุษย์ทั้งปวง

            ยังมีปรัชญาเมธีอีกลัทธิหนึ่งชื่อลัทธินิติธรรม เผยแพร่โดยปรมจารย์ฮั่นเฟยจื้อมีความคิดขั้นมูลฐาน คือ ยกย่องคุณค่าของรัฐเหนือคุณค่าของบุคคล ฮั่นเฟยจื้อเกิดในตระกูลขุนนางแห่งแคว้นฮั่น เคยเป็นศิษย์ของซุนจื้อ พร้อมกับหลี่ซู่ ซึ่งต่อมาเป็นเสนบดีแห่งแคว้นจิ้น ฮั่นเฟยจื้อเข้าเฝ้าผู้ครองแคว้นฮั่นแนะนำวิธีการปกครองที่จะทำให้รัฐเข้มแข็ง และประชาชนอยู่ได้อย่างสันติสุข แต่ได้รับปฏิเสธจากผู้ครองแคว้น จึงต้อนตนออกจากสังคม ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เขียนนิพนธ์บันทึกคำสอนของตน

           ต่อมาเขาเดินทางไปยังรัฐจิ๋น ได้รับการต้อนรับและยกย่องจากผู้ครองรัฐมาก จนกระทั่งเหล่าขุนนางทั้งหลายรวมทั้งหลี่ซู่ศิษย์ร่วมสำนักของเขาอิจฉาริษยา กล่าวร้ายยุยงต่อพระเจ้าจิ๋นจนเขาถูกจับขังคุก และสิ้นชีวิตในคุกเมื่ออายุได้ประมาณ ๕๐ ปี

           ฮั่นเฟยจื้อมีความเห็นอย่างหนักแน่นว่า ประชาชนไม่ว่าเป็นคนชั้นสูงหรือชั่นต่ำ จะต้องมีความเสมอภาคกันทางกฏหมาย

           เสนาบดีทำผิด จะต้องไม่มีการยกเว้นจากการลงโทษขณะเดียวกับสามัญชน เมื่อทำดีแล้วจะต้องไม่ละเลยต่อการให้บำเหน็จรางวัล


           แทนการยกระดับคนชั้นต่ำให้สูงขึ้น ฮั่นเฟยจื้อได้ลดสถานะของคนชนชั้นสูงลงมาด้วยการยกเลิก หลี ( จารีต ) แต่ใช้ ซิง ( การทำโทษแก่คนทุกชั้นเสมอหน้ากัน )

           ฮั่นเฟยจื้อไม่เห็นด้วยกับใครก็ตามที่ยึดมั่นอยู่กับแนวความคิดเก่าๆ ของปราชญ์โบราณ โดยไม่คิดสร้างสรรค์หรือปรับใช้ใหม่ให้ทันเหตุการณ์ เขาย้ำว่า ครั้งหนึ่งมนุษย์เคยสร้างบ้านอยู่บนต้นไม้เพื่อป้องกันภัยจากสัตว์ร้าย มนุษย์ต่างก็ชื่นชมความคิดเฉียบแหลมว่า ถ้าเอาไม้สองอันจะเกิดเป็นไฟ ถ้ามนุษย์ในปัจจุบันนี้ยังคงอาศัยอยู่บนต้นไม้ และก่อไฟโดยใช้ไม้สีกันอยู่ คงจะเป็นที่น่าหัวเราะเยาะยิ่ง

          ฮั่นเฟยจื้ออธิบายแนวคิดของเขา โดยยกนิทานมาเล่าดังต่อไปนี้

          ครั้งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งในแคว้นซุง กำลังไถนาอยู่เห็นกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว บังเอิญไปชนกับตอไม้ตอหนึ่งตาย ทันใดนั้นชายคนนั้นก็ทิ้งไถ ไปยืนรออยู่ที่ตอไม้นั้น ด้วยหวังว่ากระต่ายตัวอื่นๆ คงจะวิ่งมาชนตอไม้นั้นตายอีก แล้วตนจะได้เก็บไปเป็นอาหาร แต่เขาไม่ได้กระต่ายตัวที่สองอีกเลย คนอื่นรู้เรื่องเข้า ต่างพากันหัวเราะเยอะในความคิดอันโง่เขลาของเขา

          ในทำนองเดียวกัน ถ้านักปกครองจะปกครองประชาชน โดยใช้วิธีการปกครองทุกอย่างที่เคยได้ผลมาแล้วในอดีต นักปกคองคนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับชาวนาผู้รอให้กระต่ายตัวอื่มาวิ่งชนตอไม้นั้นอีก

          เหตุการณ์ทั้งหลายย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เราต้องเตรียมตัวให้ทันกับเหตุการณ์ การปกครองจะต้องดำเนินการไปให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงจะเกิดผลดี






By คิดแบบ " เต๋า " ( นิทานปรัชญาตีลังกาคิด )

No comments:

Post a Comment