Saturday, March 02, 2013

เมืองไทย " เมืองยิ้ม " ( ตอนที่ ๒๒ )

เมืองไทย " เมืองยิ้ม " ( ตอนที่ ๒๒ )
ชีวิตในเมือง

          ชีวิตในเมืองจะยุ่งอยู่ตลอดเวลา และกิจกรรมมนุษย์ดำเนินอยู่ต่อไปตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง เพราะว่าเมืองไม่เคยหลับ จะวุ่นวายอันเนื่องมาจากการเดินทางที่กวักไกว่อย่างรีบเร่ง ของผู้คนอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

           แต่เช้าตรู่ คนเมืองหลวงนับร้อยนับพันต่างก็รีบออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังที่ทำงาน การจราจรก็เริ่มเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชั่วโมงเข้าทำงานใกล้เข้ามา นักศึกษาและคนทำงานต่างยืนเป็นแถวที่ป้ายจอดรถประจำทาง ในขณะที่รถโดยสารที่อัดแน่นด้วยผู้โดยสารแล่นผ่านไปคันแล้วคันเล่า ในชั่วโมงเร่งด่วน ถนนในเมืองจะเต็มไปด้วยควันที่พ่นออกจากท่อไอเสียของยานพาหนะนานับชนิด ซึ่งติดไม่ขยับอยู่ที่เดียวเป็นเวลาหลายชั่วโมง เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นทั้งเช้าและเย็น



           มองผ่านหน้าต่างรถยนต์ บิดามารดากำลังป้อนอาหารลูกๆ ผู้ซึ่งจะต้องเข้าเรียนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ในรถโดยสารก็เหมือนกัน ผู้โดยสารบางคนก็นั่งหลับในขณะที่ผู้ที่ไม่ได้ที่นั่งก็จะยืนหน้าบูดเบี้ยว และดูที่นาฬิกาของเขาในบางคราว ในช่วงฤดูฝนการจราจรจะกลายเป็นอัมพาตอยู่บ่อยๆ เมื่อถนนบางสายถูกน้ำท่วมและยานพาหนะขนาดเล็กหลายคันจะประสบปัญหาด้านเครื่องยนต์ขัดข้อง เป็นที่น่าเสียใจว่าการจราจรติดขัดในเมืองของเรามีชื่อโด่งดังมาก จนกระทั่งว่าบางครั้งก็ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่อยากมาเที่ยว นอกเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดก็คือ ประเทศต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมหาศาลในแต่ละปี อันเนื่องมาจากปัญหาจราจรที่ยังแก้ไม่ตก

          ช่างน่าขำที่ว่าเบื้องหลังตึกสูงระฟ้ายังมีบ้านโทรมๆ ตั้งอยู่เรียงรายเป็นทิวแถว ซึ่งก็ครอบครองโดยผู้ทีถูกเรียกว่า " ชาวสลัม " พวกเขาอยู่ท่ามกลางความเจริญรุ่งเรือง และต้องประสบกับชีวิตอันแสนลำเค็ญอยู่ในเมือง ซึ่งมีค่าครองชีพสูงลิบลิ่ว พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด เด็กสลัมบางคนก็เป็นโรคขาดอาหาร ในขณะที่บางคนก็ถูกบิดามารดาทอดทิ้ง ดังนั้น จึงมีคำกล่าวว่า เมืองเป็นสวรรค์ของคนรวยและเมืองก็เป็นนรกของคนจน เพราะว่าคนจนต้องทำงานหนักเพียงเพื่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอด

          ถึงแม้ว่าชีวิตในเมืองจะค่อนข้างลำบาก ผู้คนก็ยังชอบที่จะอยู่ในเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเกือบจะทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสถาบันทางการศึกษาหรือศูนย์กลางธุรกิจ และยังเป็นหน้าต่างสู่โลกภายนอกอีกด้วย มีโอกาสทางการศึกษาสูง และงานดีๆ ก็มีมากกว่าในชนบท ทุกๆ ปีชาวชนบทจะอพยบเข้ามาในเมืองด้วยเป้าหมายที่หวังจะมาขุดทอง บางคนก็ประสบความสำเร็จ ในขณะที่บางคนก็ล้มเหลวโดยไม่ได้อะไร พร้อมทั้งกลับบ้านมือเปล่า บางทีก็เป็นความจริงที่จะพูดว่าชีวิตในเมืองอาจจะเหมาะสมกับบางคน แต่อาจจะไม่เหมาะสมสำหรับคนอื่นๆ ใครก็ตามที่ติดจะไปแสวงโชคในเมืองก็ควรคิดให้รอบคอบเสียก่อน





By Essays on Thailand

No comments:

Post a Comment