Friday, September 07, 2012

ปรัชญาแห่งความโง่เขลา

        


         ผมเริ่มเป็นพนักงาน ของบริษัท A ช่วยชี้นำงานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 กรรมการของผู้จัดการของบริษัท A นี้สมองดีเยี่ยม สร้างบริษัท A ขึ้นมาจากสองมือเปล่า อีกทั้งเปิดโรงงานหลายแห่งขึ้นในต่างประเทศ เห็นได้ชัดว่าท่านมีความสามารถเหนือธรรมดา
   
         แต่หลังจากเข้าไปช่วยชี้นำงานตามคำเชิญชวนแล้ว ผมพบว่าสภาพในบริษัทเลวร้ายมาก สถานการณ์ค่อนข้างเครียด พนักงานทุกคนท้อแท้หมดอาลัย ได้แต่บ่นโทษพฤติกรรมน่าชิงชังของท่านกรรมการผู้จัดการ

          ผมพยายามหาทางทำให้ท่านกรรมการผู้จัดการ A พบความคิดถือตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของท่าน บังเอิญช่วงสิ้นปี เลขานุการของบริษัทฯ ต้องการให้ผมเขียนบทความลงวารสารของบริษัทฯ ถึงต้องใช้เวลามากเอาการ แต่ผมก็เขียนให้ด้วยความยินดี โดยหวังอย่างยิ่งว่า บทความของผมจะกระตุ้นความสนใจของท่านกรรมการผู้จัดการได้บ้าง

          เมื่อเร็วๆ นี้ ผมง่วนกับงานวิจัย " ปรัญชาแห่งความโง่เขลา " เพราะค้นพบ " ประโยชน์ของการแสร้งโง่ " โดยไม่บังเอิญ

          อย่างไรก็ตาม ข้อความดังกล่าวค่อนข้างจะเป็นที่เข้าใจผิดได้ง่าย คนทั่วไปไม่เข้าใจนัยที่แฝงอยู่ ส่วนผมนับวันจะเข้าถึงความสำคัญของ " การทำใบ้แสร้งโง่ " มากยิ่งขึ้น


          ชาวญี่ปุ่นมีสำนวนโบราณหนึ่งว่า " โชค ทู่ และ ราก " คำว่า " ทู่ " ก็คือความรู้สึกเชื่องช้า แฝงนัย " ทำใบ้แสร้งโง่ " โดยทั่วไปแล้ว ถือกันว่า คนเป็นเถ้าแก่ต้องเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ 3 ข้อดังสำนวนข้างต้น แต่ผมเห็นว่าไม่เฉพาะเถ้าแก่เท่านั้น

          ทุกประการล้วน " ทู่ " มีขอดีอะไรหรือ ? อันที่จริง นัยของคำว่า " ทู่ " ก็คือรวดเร็วกับผู้อื่น เชื่องช้ากับตัวเอง... พวกเรามักถือตนเองเป็นศูนย์กลางเห็นแก่ตัวอย่างสุดโต่ง ทุ่มเทสติปัญญาและความพยายามทั้งหมด ก็เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว มักคิดถึงผลได้ผลเสียส่วนตัว ผลคือ กลายเป็นพวกลัทธิเห็นแก่ตัว คนอื่นไม่เชื่อฟังคำชี้นำของเรา เพราะทุกคนรู้สึกว่า การติดตามเรานั้น มีแต่เสียบเปรียบกับเสียเปรียบ

         ในทางตรงข้าม การทำใบ้แสร้งโง่บริการรับใช้คนอื่นนั้น กลับเป็นเรื่องประหลาดนักที่ทุกคนยินดีติดตามเรา

         ผมเคยทำตัวฉลาดอยู่นาน สมัยนั้นผมเป็นคนไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เอาแต่เสนอความคิดเห็นที่โอ้อวดและเห็นแก่ตัวอยู่ข้างเดียว ซ้ำคิดว่าตัวเองถูกต้อง คาดไม่ถึงว่า วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ผมยังไม่เป็นที่รักชอบของใครเลย

          หลังประสบชะตากรรมอับจนล้มเหลวหลายครั้งหลายหนแล้ว ผมก็พบว่า " ผมไม่ดีเอง " ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด นับแต่นั้นมา ก็ปรากฏนิมิตแห่งความเจริญก้าวหน้า ผมค่อยๆ เรียรู้การทำใบ้แสร้งโง่ ผมปฏิบัติตัวเช่นนี้ผ่านมาอีก 10 ปี เวลานี้ ผมกล้าสรุปอย่างมั่นใจว่า

          ยามผมคิดว่า ผมดีอย่างนั้น ผมเก่งอย่างนี้... ทุกคนจะพยายามดึงรั้งผมถอยหลัง แต่หลังจากผมละทิ้งส่วนตัว หันมาทำใบ้แสร้งโง่แล้ว จึงได้ลิ้มรสน้ำใจไมตรีและบุณคุณของคนอื่นอย่างแท้จริง



by อิบูคิ ทาคาชิ, โทขุระ โทราโอะ ( คนฉลาดแสร้งโง่ )

No comments:

Post a Comment