Thursday, September 13, 2012

ชกต่อย ต้องแพ้กลับมา

         

        ทุกคนต่างรักศักดิ์ศรี ซึ่งบางครั้งแสดงออกด้วยการใช้ชีวิตแบบฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม รักหน้า อวดรวย และดื้อรั้น ทั้งหมดนี้ถูกชักนำด้วยความต้องการบงการและความปราถนาทางเพศนั่นเอง

         เวลาเห็นเพศตรงข้าม เราจะรู้สึกคึกคักตื่นเต้น นี่คืออารมณ์ที่เกิดจากสัญชาตญาณ บางครั้งถึงกับพยายามแสดงตัวเด่นโดยไม่รู้ตัว

         มนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณแห่งการต่อสู้ ชกต่อยแพ้เขา ก็จะโกรธแค้น ถ้าเป็นเรื่องน่าปิติยินดี จะจางหายอย่างรวดเร็ว แต่ความโกรธแค้นกลับจะกายเป็นตะกอนตกค้างในใจยาวนาน


         มิเพียงเท่านั้น เรื่องเล็กน้อยทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันถึงผลได้ผลเสียความชอบความเกลียด ถ้าเป็นผลเสีย เป็นเรื่องที่เกลียด จะไวกับมันมาก วัยหนุ่มสาว ใจร้อน จึงมักทะเลาะวิวาท ตำหนิ บริภาษ ชิงดีชิงเด่น และไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน

        บางคนถึงกับพูดอย่างยะโสโอหังว่า " ของผมก็คือของผม และของคนอื่นก็ของผมเช่นกัน " ไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นโง่เขลาขนาดไหน

         คนส่วนใหญ่ที่สุดมักตกอยู่ในสภาวะจิตแบบ " กูเหนือกว่าคนทั้งปวง " มักรู้สึกว่า " สิ่งที่กูทำ ล้วนถูกต้อง คนอื่นต่างหากเป็นฝ่ายผิด " นี่คืออารมณ์หุนหันพลันแล่นและความต้องการที่เกิดจากสัญชาตญาณของคนเราซึ่งมิใช่จะขจัดได้ง่ายๆ

        ครั้งหนึ่งผมพบกรรมการผู้จัดการ O ในเมือง K ขณะสนทนากัน ก็พาดพิงถึงเรื่อง " การแสร้งโง่ " เพราะพักนั้น ผมมักแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นในเรื่องนี้ ผมพูดว่า

        " ขณะที่คุณบุกเบิกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น คุณอย่าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแบบสินค้าเป็นอันขาด เพราะคุณแก่แล้วอายุกว่า 50 ปี คุณไม่ได้ทันยุคทันสมัยอย่างแต่ก่อนแล้ว... "

        การย้อนถามอย่างจริงจังโดยคิดว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ผมพูดนี้ เกิดขึ้นในงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง ขณะที่กรรมการผู้จัดการบริษัทอื่นๆ ล้วนพูดทำนองเห็นด้วยกับผมว่า " ท่านอาจารย์พูดไม่ผิด ! "

       แต่กรรมการผู้จัดการ O ยังคงถลำตัวอยู่ในสภาวะจิตแบบ " กูเหนือกว่าคนทั้งปวง " ผมจึงยั่วเขาว่า " แต่คุณทาขะกิ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทโปคา สมัยเด็กนั้น คุณพ่อกำชับครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ชกต่อยกับใครต้องแพ้กลับมา ถ้าชนะ ห้ามเข้าบ้าน "

       ผลเป็นไปตามที่คาด กรรมการผู้จัดการ O พูดสวนทันวันว่า " ถ้าเป็นผม ชกต่อยแพ้เขา ก็จะวิ่งไปหน้าบ้านเขา ขว้างปากระจกบ้านเขาแตก เพื่อระบายความโกรธแค้น "


ฟังจากน้ำเสียงของเขา คล้ายเป็นเรื่องสมควรยิ่ง
น่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้ค้นพบความโง่เขลาของตัวเองเลย

      


by อิบูคิ ทาคาชิ, โทขุระ โทราโอะ ( คนฉลาดแสร้งโง่ )

No comments:

Post a Comment