ใต้ผ้าห่มดอกแขม
เอาหิมะเป็นที่นอนอาเมฆเป็นหมอน
ดำรงคงไว้ซึ่งบรรยากาศแห่งราตรีกาล
ดื่มสุราในจอกไบไผ่
แต่งกลอนในสายลมชมแสงจันทร์อันเจิดจรัส
หลบหลีกจากโลกวิสัยไปไกลแสนไกล
นิทัศน์อุทาหรณ์
จีคังเก็บสมุนไพรเมื่อเล็ก ความกลุ้มอกกลุ้มใจของเรามีเพียงเล็กน้อย เมื่อเติบโตขึ้นความกลัดกลุ้มก็เหมือนก้อนหิมะ ยิ่งกลิ้งยิ่งใหญ่ ถึงตอนนั้นงานจะนำมาซึ่งความกลัดกลุ้ม เงินทองจะนำมาซึ่งความกลัดกลุ้มกระทั่งเพื่อนฝูงกสามารถจะนำความกลัดกลุ้มมาให้ ช่างน่าชังยิ่งนัก แต่ทุกๆ คนก็ต้องผ่านความเป็นไปเช่นนั้น ใครจะหลบหลีกเลี่ยงพ้นได้ ?
ยังดี - ยังดีที่ฟ้าได้ประทานโลกธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์มาให้แก่เราเฉกเช่น ลมดอกไม้ ดวงจัทร์ ซึ่งสามารถลืมเรื่องจุกๆ จิกๆ ต่างๆ ในโลก ที่สร้างงความกลัดกลุ้มให้แก่เราได้
คนเราถ้ารู็จักแสวงหาความสุขในโลกธรรมชาติ แม้ในฤดูหนาวจะมีเพียงผ้าห่มดอกแขมก็ไม่วิตก จะเป็นไรไปถ้าจะรื้อฟื้นหิมะเป็นที่นอนใช้เมฆเป็นหมอน เพื่อรักษาไว้ซึ่งบรรยากาศแห่งความใสสะอาดเพื่อคิดคำนึงถึงสิ่งซึ่งมีความหมายทั้งหลายทั้งปวง
ถ้าบังเอิญได้เหยียบย่ำไปในดงไผ่ ดื่มเหล้าใสสะท้อนเงาไผ่หลังจากนั้นก็ท่องกลอนชมจันทร์ด้วยความเบิกบานสำราญใจ หลีกเร้นจากโลกมนุษย์อันวุ่นวายไร้สิ่งพันธนาการไร้ความวิตกกังวล ชีวิตเช่นนี้ใครบ้างที่จะไม่ใฝ่ฝันถึง ?
ดูแต่จีคังในสมัยสามก๊ก ความรู้ความสามารถรูปร่างหน้าตาก็ดีทุกอย่าง แต่กลับสมัครใจละทิ้งตำแหน่งขุนนาง กลับมาเป็นช่างตีเหล็กอยู่กับบ้าน เมื่อเหนื่อยก็หยุดมาเล่นพิณแต่งบทกวี หาความสุขสำราญตามความพอใจ
ในบางครั้ง เขาไปเก็บสมุนไพรบนภูเขา ไม้ดอกไม้งามมีให้เห็นไม่รู้จักหมดสิ้น เขาล้มตัวนอนลงบนลานหินไม่กลับบ้าน คนตัดฟืนพบเข้า ก็คิดว่าเป็นเทวดาลงมาเที่ยวโลกมนุษย์ !
ความกลัดกลุ้มย่อมเกิดขึ้นแน่ แต่อย่ากลัว เมื่อถึงเวลาก็รีบไปหาเพื่อนยากที่น่ารักที่ไม่เคยปฏิเสธการขอความช่วยเหลือจากเรา นั่นคือโลกธรรมชาติ !
By หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )
No comments:
Post a Comment