ความปรารถนาทางวัตถุ
ช่วงที่ฌานาจารย์เต้าซู่นำลูกศิษย์ลูกหาไปพำนักอาศัยบนเทือกเขาซานฟงซาน อำเภอโซ่วโจว มักพบเห็นคนแต่งกายเรียบๆ สมถะ แต่พูดจาประหลาดชวนสนเท่ห์ กระทั่งสามารถจำแลงกายในลักษณะพระพุทธ พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ เทพยาดา ฯลฯ มีประกายแห่งเทพพวยพุ่งรอบตัว ลูกศิษย์ลูกหาของท่านได้พบเห็น ก็ลือกันไปว่าเทพยดาอวตาร แต่ฌานาจารย์เต้าซู่ยังคงนิ่งเฉยดุจปกติ ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์อะไรทั้งสิ้น
หลังจากนั้นประมาณสิบปี ปรากฏการณ์เหล่านั้นก็ไม่เกิดขึ้นอีก ฌานาจารย์จึงเรียกประชุมลูกศิษย์ลูกหา สั่งสอนว่า " คนในหมู่บ้านชอบเล่นมายากล ทำให้เกิดอุปทาน ถ้าเรานิ่งเฉย ไม่พูดไม่ดู ลวดลายพวกเขามีจำกัด เราไม่สนใจไยดี นานวันเข้าก็หมดสนุกไปเอง จึงไม่ปรากฏให้เห็นอีก " ฌานาจารย์เต้าซู่ท่านรู้ดีว่า ขอเพียงควบคุมตัวเอง ตั้งสติแน่วแน่ ไม่ลุ่มหลงหรือเกิดอุปาทานตามลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ร้อยแปด ก็จะไม่ตกเป็นเชลยของวัตถุนอกกาย กล่าวคือ ต้องมีจิตใจที่แจ่มกระจ่าง บริสุทธิ์ สามารถเข้าถึงภาวะจริงแท้ สามารถกะเทาะรูปโฉมภายนอกเข้าสู่ภายใน เข้าสู่ตัวตนที่แท้จริง เมื่อจิตใจแจ่มกระจ่างบริสุทธิ์ ย่อมไม่ลุ่มหลงหรือเกิดอุปาทานตามภาพมายาร้อยแปด
ทุกวันนี้ คนเรามีความปรารถนาทางวัตถุไม่สิ้นสุด แสงสียามค่ำคืนมิได้สร้างภาพมายามากหลายดอกหรือ ? ถ้าเราไม่ควบคุมตัวเองให้ดีก็จะถลำลงไปในเหวลึกแห่งบาปอกุศล จะไม่ระมัดระวังได้หรือ ?
By เซ็น : วิถีแห่งความสุขที่แท้
No comments:
Post a Comment