ฝึกตนพึงปฏิบัติดั่งหล่อหลอมทองคำ
หากเร่งรัดนัก ผลได้จักไม่ลึกซึ้ง
ทำงานควรประหนึ่งขึ้นหน้าไม้สามหมื่นชั่ง
หากมักง่ายนัก ผลได้จักไม่ใหญ่หลวง
นิทัศน์อุทาหรณ์
ทองแท้กับหน้าไม้พันชั่ง
เม่งจื้อปรัชญาเมธีของจีน เคยกล่าวไว้ว่า
" เมื่อฟ้าจะประทานภารกิจอันหนักหน่วงให้แก่ผู้ใด ก็จะต้องทดสอบปณิธานของเขา ให้ร่างกายเขาได้รับความทรมานจากความอดอยาก ให้จิตใจของเขารูสึกว่างเปล่าและอิดโรย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ จะต้องรบกวนการประพฤติปฏิบัติของเขาทดสอบว่าเขาสามารถจะทนทานต่อความพ่ายแพ้ได้หรือไม่ ? ที่ฟ้าต้องทำเช่นนั้น ก็เพื่อให้เขามีจิตใจมั่นคง เสริมความสามารถให้กับเขานั่นเอง "
ทั้งนี้หมายความว่า ไม่ว่าเราประสงค์จะได้รับความสำเร็จอย่างใดก็ดี จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนหล่อหลอมในระยะยาว มิใช่คิดจะให้ได้รับความสำเร็จจากการดำเนินงานเพียงอย่างเดียว
เพราะฉะนั้น พระเจ้าหยาวจึงทดสอบใช้งานซุ่มนานถึง ๒๘ ปี จึงมอบบัลลังก์แก่เขา
หยี่ต่อสู้กับอุทกภัยนานถึง ๑๓ ปี ผ่านประตูบ้านถึง ๓ ครั้งก็ไม่ยอมเข้า จึงได้รับการยกย่องจากพระเจ้าซุ่น รับมอบอำนาจการปกครองแผ่นดินไป
ภารกิจของฮ่องเต้ ยิ่งใหญ่และสำคัญเช่นนี้ ถ้าแม้นมิได้ผ่านการฝึกฝนมาช้านาน จะแบกรับภาระเช่นนั้นได้หรือ ?
ปลายสมัยราชวงศ์ฉิน มีผู้แข็งแรงอยู่คนหนึ่ง ตั้งปณิธานมาแต่เล็กว่าจะต้องเป็นฮ่องเต้ให้ได้ ! แต่เขาไม่มีความอดทน เรียนหนังสือได้ไม่กี่วัน ก็ทิ้งไปฝึกเพลงดาบ ฝึกเพลงดาบได้ไม่กี่วัน ก็ทิ้งอีก เขาว่า " เรียนหนังสือก็เพียงเพื่อจำตัวหนังสือไม่กี่ตัว ฝึกเพลงดาบก็เพื่อใช้ต่อสู้แต่ลำพังคนเดียว ที่เราต้องการจะเรียน คือวิชาที่สามารถต้านทานกับไพร่พลนับหมื่นนับแสนต่างหาก "
ครั้นแล้ว เขาก็เปลี่ยนไปเรียนตำราพิชัยสงคราม แต่ยังไม่ทันจะสำเร็จเขาก็ไปสมัครทหาร
คนคนนี้ก็คือฉู่ป้าอ๋อง ( ฌ้อปาอ๋อง ) เสี้ยงหยี่นั่นเอง !
เสี้ยงหยี่เป็นบุคคลชั้นยอดเหมือนกัน แต่ลงท้ายกลับใช้กระบี่ฆ่าตัวตาย ทั้งนี้ก็เพราะเขาไม่เข้าใจคำเตือนที่กล่าวไว้ว่า " ผู้คิดสำเร็จเร็ว มิใช่ผู้ฝึกฝนมานาน "
ถูกทีเดียว การฝึกฝนหล่อหลอมของใครก็ตาม ควรจะเป็นเสมือนหนึ่งทองคำที่ต้องผ่านการหล่อหลอมครั้งแล้วครั้งเล่า จะใจร้อนมิได้เป็นอันขาด ดังเช่นการขึ้นสายหน้าไม้ซึ่งหนักเป็นพันชั่ง ถ้าหากดึงเบาๆ ไหนเลยจะสามารถยิงลูกธนูได้ไกล ? ฉันใดฉันนั้น !
By หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )
No comments:
Post a Comment