คนเมืองชี่ห่วงฟ้าถล่ม
มีเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งชื่อเมืองชี่ ในเมืองนี้มีชายผู้หนึ่งที่ชอบคิดแต่เรื่องสัพเพเหระ เขาคิดไปๆ ก็คิดว่าฟ้าอาจจะถล่มลงมาเมื่อไรก็ได้ แผ่นดินก็อาจจะยุบลงไปกะทันหัน เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็ไม่มีความสุข ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนดี เขายิ่งคิดก็ยิ่งวิตกจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
มีชายผู้หนึ่งรู้เรื่องนี้เข้าก็นึกขำในใจ และได้มาแนะเขาว่า " ฟ้านั้นเป็นเพียงการรวมตัวขึ้นของอากาศไม่ว่าที่ไหนก็มีอากาศทั้งนั้น คนเรามีชีวิตและหายใจอยู่ท่ามกลางอากาศ เมื่อเป็นเช่นนี้ท้องฟ้าจะถล่มลงมาได้อย่างไร "
ชายชาวเมืองผู้นั้นถามต่อไปอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า " เอาล่ะ ถ้าหากฟ้าเป็นการรวมตัวของอากาศแล้วพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาวล่ะจะไม่หล่นลงมาหรือ ? "
" ไม่ ไม่หล่นลงมาแน่ๆ " ชายผู้นั้นตอบ " พระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาวก็เป็นกลุ่มอากาศที่เปล่งแสงได้ ถึงแม้จะหล่นลงมาถูกหัวคนเข้าก็ไม่เป็นอันตราย "
คนเมืองชี่ฟังแล้วยังไม่ค่อยวางใจ ถามต่อไปว่า " ถ้าแผ่นดินถล่มลงไปจะทำอย่างไร ? "
ชายผู้นั้นตอบว่า " แผ่นดินเป็นการรับทับถมกันขึ้นของก้อนดิน ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นดินทั้งนั้นแล้วจะถล่มลงไปได้อย่างไร "
ชาวเมืองชี่คนนั้นฟังแล้วก็เห็นจริง รู้สึกสบายใจเหมือนกับยกก้อนหินที่ทับอกออก ส่วนชายคนที่ช่วยแนะนำก็รู้สึกพอใจมาก
บันทึกใน " เลี่ยจื่อ "
มุมมองปรัชญา
นิทาน " คนเมืองชี่กลัวฟ้าถล่ม " นี้ต่อมาได้ใช้เป็นสำนวนในภาษาจีนเตือนคนว่าไม่ควรวิตกกังวลในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล เพราะมันเป็นการหาความวิตกมาให้แก่ตนเอง ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
นิทานเรื่องนี้แนะให้่คนที่เจอปัญหาแล้วใช้ความคิด วิเคราะห์แยกแยะความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ตกไปสู่ลักษณะด้านเดียวที่อัตวิสัยหรือลักษณะหลับหูหลับตา
แน่นอน คำแนะนำของชายคนนั้นเกี่ยวกับท้องฟ้าและแผ่นดิน เมื่อเทียบกับคำอธิบายสมัยนี้ที่วิทยาศาสตร์เจริญแล้วย่อมเป็นเรื่องอ่อนหัด แต่ถ้ากล่าวตามเงื่อนไขของสมัยโน้นแล้ว นับได้ว่าคำอธิบายนี้เป็นหน่อของทรรศนะวัตถุนิยมแบบง่ายๆ อย่างหนึ่ง
By ปรัชญาชีวิตใน สุภาษิตจีน
No comments:
Post a Comment