หยกของคนแซ่เหอ
ที่รัฐฉู่มีชายแซ่เหอได้หยกที่ยังไม่ได้เจียระไนมาก้อนหนึ่ง เขาจึงเอาหยกนี้ไปถวายกษัตริย์ลี่ของรัฐฉู่ กษัตริย์ลี่รับสั่งให้ช่างเจียระไนหยกมาดู ช่างทูลว่า
" นี้เป็นเพียงก้อนหินธรรมดก้อนหนึ่งพะย่ะค่ะ "
กษัตริย์ลี่ได้ฟังเช่นนี้กทรงกริ้วมาก รับสั่งลงโทษตัดขาซ้ายของชายแซ่เหอเสีย
เมื่อกษัตริย์ลี่สิ้นพระชนม์แล้ว กษัตริย์หวู่ขึ้นครองเมือง ชายแซ่เหอก็นำหยกก้อนนั้นถวายอีก กษัตริย์หวู่รับสั่งให้ช่างแกะหยกมาดู ช่างกล่าวทูลอย่างครั้งก่อนว่าเป็นก้อนหินไม่ใช่หยก ด้วยเหตุนี้กษัตริย์หวู่จึงรับสั่งให้ลงโทษด้วยการตัดขาข้างขวาของเขาเสีย
ต่อมาไม่นานกษัตริย์หวู่สิ้นพระชนม์ กษัตริย์เหวินขึ้นเสวยราชย์ ชายแซ่เหอจึงนำหยกก้อนนั้นไปนั่งร้องไห้ที่เชิงเขาจิง เขาร้องให้อยู่เป็เวลาสามวันจนเลือดไหลออกมาจากเบ้าตาแทนน้ำตาที่ไม่มีจะหลั่ง เมื่อกษัตริย์เหวินทรงทราบเรื่องก็ส่งคนไปหา ถามว่า
" คนที่ถูกตัดขานั้นมีมากมาย ทำไมท่านจึงต้องร้องไห้เสียอกเสียใจถึงขนาดนี้ ? "
ชายแซ่เหอตอบว่า " ข้าพเจ้าไม่ได้ร้องไห้เสียใจเพราะเท้าทั้งสองถูกตัด แต่ร้องไห้ด้วยความเศร้าเสียใจในการเห็นหยกเป็นก้อนหิน เห็นความซื่อสัตย์เป็นความเท็จ ! "
กษัตริย์เหวินจึงรับสั่งให้ช่างเจียระไนหยกก้อนนั้นดู ในทีสุดก็ปรากฎว่าเป็นหยกจริงหาใช่ก้อนหินไม่ ต่อมาหยกชิ้นนี้ได้ถูกขนานนามว่า " หยกของคนแซ่เหอ "
บันทึกใน " หานเฟยจื่อ "
มุมมองปรัชญา
ของจริงย่อมต้องเป็นของจริง ของปลอมก็ย่อมจะต้องเป็นของปลอม หินจะเป็นหยกไปไม่ได้ และหยกก็จะไม่เป็นหินเช่นกัน ถึงแม้ว่าบางครั้งคนเราจะเข้าใจผิด แต่ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนลักษณะอันมีอยู่เดิมของสิ่งทางภววิสัยได้ ผลสุดท้ายคนเราก็ยังจะต้องแก้ไขความเข้าใจที่ผิดๆ ของตนให้ถูกต้องโดยอาศัยความเป็นจริงของภววิสัย
By ปรัชญาชีวิตใน สุภาษิตจีน
No comments:
Post a Comment