ขโมยได้สะดวก
นานมาแล้ว มีเศรษฐีขี้ตระหนี่คนหนึ่ง เป็นทุกข์เป็นร้อนกังวลว่า ทรัพย์สินของตนจะถูกคนขโมยไปเขาจึงจ้างคนสานหีบหวาย ต่อหีบไม้และสานกระบุงให้เขา แล้วเขาก็เอาเงินทอง เสื้อผ้า และของจิปาถะใส่ไว้ในหีบและกระบุงเหล่านั้น หลังจากจัดใส่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ยังไม่ค่อยจะวางใจนัก จึงหากุญแจมาใส่และเอาเชือกมัดอย่างแน่นหนาอีกชั้นหนึ่ง เสร็จแล้วก็ขนไปวางไว้ในห้อง เขาจะมาสำรวจตรวจสอบดูวันละหลายครั้ง คนในหมู่บ้านต่างก็พูดกันว่า เศรษฐีคนนี้เป็นคนที่ฉลาดรอบคอบเหลือเกิน
วันหนึ่งในคืนข้างแรม ขโมยได้เจาะกำแพงเข้าไปในบ้านของเศรษฐีแล้วพากันขนทรัพย์สินของเศรษฐีคนนั้นไป ขณะที่ขโมยขนของออกไปจากบ้านนั้นตอนแรกยังกังวลจะมีอะไรตกหล่นให้เห็นร่องรอยแต่เมื่อตรวจดูแล้วเห็นว่าหีบห่อล้วนใส่กุญแจและมัดอย่างแน่นหนาก็พากันขนออกไปอย่างสบายใจ
วันรุ่งขึ้น พอเศรษฐีตื่นนอนเข้ามาในห้องที่เก็บทรัพย์สิน เห็นแต่ห้องที่ว่างเปล่าก็เสียใจจนเป็นลมสิ้นสติไป เมื่อชาวบ้านรู้เรื่องเข้า ต่างพากันหัวเราะและกล่าวว่า ความฉลาดของเศรษฐีเฒ่าผู้นี้ได้กลายเป็นอำนวยความสะดวกให้แก่พวกหัวขโมยไปเสียแล้ว
มุมมองปรัชญา
ความเป็นจริงทางภววิสัยมักจะเล่นตลกกับเจตจำนงทางอัตวิสัยของคนเราอยู่เสมอ เรื่องดีเรื่องร้ายและผลดีผลเสียนั้น ความจริงแล้วมิใช่เป็นสิ่งสัมบูรณ์ ( absolute ) ในตัวของความขัดแย้งนั้นเป็นสองด้านที่ลดและเพิ่มให้แก่กันในขณะทีคนเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นผลดีในนั้นจะมีสิ่งที่เป็นผลเสียแฝงตัวอยู่ ในเงื่อนไขที่แน่นอนหนึ่ง สิ่งที่เป็นผลดีจะเปลี่ยนไปสู่ด้านที่ผลเสีย จากนั้นก็ก้าวไปสู่ด้านตรงกันข้าม ในที่นี้เงื่อนไขเป็นตัวเร่งที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงการใส่กุญแจและมัดหีบห่ออย่างแน่นหนาจะต้องเป็นการสร้างเงื่อนไขที่สะดวกให้แก่ขโมยเสมอไปเช่นนั้นหรือ ? ไม่แน่ใจว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป การที่ขโมยสามารถ " ขโมยได้อย่างสะดวก " นั้นยิ่งมีเงื่อนไขอย่างอื่นที่เจ้าของบ้านมองข้ามไป เช่น กำแพงและประตูยังไม่แข็งแรงมั่นคงพอ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้การที่จะส่งเสริมผลดีขจัดผลเสียจึงไม่ใช่เรื่องง่าย คือจะต้องสนใจเงื่อนไขต่างๆ อย่างรอบด้านเพื่อป้องกันมิให้เรื่องแปรไปสู่ด้านที่ผลเป็นผลเสีย
By ปรัชญาชีวิตใน สุภาษิตจีน
No comments:
Post a Comment