Monday, June 16, 2014
ไม่เข้าใจจิตแบบฌาน
ไม่เข้าใจจิตแบบฌาน
ครั้งหนึ่ง ฌานาจารย์หลินจี้ตามหลวงจีนในวัดออกไปใช้แรงงานประจวบกับฌานาจารย์หวงเนี่ยเดินผ่านมา หลินจี้จึงยืนท้าวจอบนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว หวงเนี่ยก็ถามว่า " เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่ ? "
หลินจี้ตอบว่า " อาตมายังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย จะเหนื่อยได้อย่างไร ? "
หวงเนี่ยได้ยินดังนั้น ก็หวดไม้พลองใส่หลินจี้ หลินจี้ใช้มือกันไว้แล้วผลักหวงเนี่ยล้มลงกับพื้น จากนั้น โน้มตัวไปข้างหน้าจะประคองหวงเนี่ยลุกขึ้น
หวงเนี่ยพูดว่า " ไม่ต้องหรอก อาตมายังไม่ล้ม ต้องให้ท่านช่วยประคองด้วยหรือ ? "
เหวยน่าผู้มีหน้าที่เทียบเท่าผู้อำนวยการโรงเรียนในสมัยนี้ พูดกับฌานาจารย์หวงเนี่ย ในเชิงตำหนิฌานาจารย์หลินจี้ ว่า " หลินจี้ผลักท่านล้มลง ท่านจงอย่าให้อภัยหลวงจีนที่หยาบคายไร้มารยาทผู้นี้เป็นอันขาด "
ฌานาจารย์หวงเนี่ยลุกขึ้นได้ ก็ไใช้ไม้พลองหวดเหวยน่าทันที
อันที่จริง ฌานาจารย์บริภาษหรือทุบตีกัน ก็เพื่อ " ถ่ายทอดธรรม " หรือ " ถ่ายทอดจากจิตสู่จิต " ฌานาจารย์หวงเนี่ยใช้ไม้พลองตีหลินจี้ เพราะคิดจะถ่ายทอดธรรมแก่หลินจี้ หลินจี้กลับผลักฌานาจารย์หวงเนี่ยล้มลง เพื่อแสดงว่าตนบรรลุธรรมแล้ว ไยต้องรบกวนท่านช่วยถ่ายทอด ? ฌานาจารย์หวงเนี่ยปฏิเสธการช่วยประคอง เพื่อแสดงว่าท่านอยู่ในภาวะสงบนิ่ง ไยต้องช่วยประคอง ?
เหวยน่าถูกไม้พลองหวดใส่ ได้แต่โทษว่าตัวเองปากมาก ไม่เข้าใจจิตแบบฌานแล้ว !
พวกหนอนตำราส่วนหนึ่ง มักยึดติดในสูตรโดยไม่พลิกแพลง มิหนำซ้ำยังเที่ยวยัดเยียดให้คนอื่น แต่ในสังคมที่สลับซับซ้อนกลมกลืนและเปลี่ยนแปลงไม่หยุด หากยังยึดติดกับสูตรคร่ำครึไม่พลิกแพลง ก็มีแต่จะล้มคะมำ ตกเป็นเป้าเย้ยหยันไยไพของผู้อื่นเท่านั้น
ถ้ามีจิตใจเปิดกว้างไม่ติดกรอบ ก็จะ " หลุดพ้น " ตลอดกาล ถ้าคร่ำครึไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็ควรถูกหวดใส่ตลอดไป !
By เซ็น : วิถีแห่งความสุขที่แท้
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment