ต้นไม้ในกระถางย่อมขาดพลังชีวิต
นกที่ขังในกรงย่อมลดความเป็นธรรมชาติ
มิสู้ดอกไม้และฝูงนกในป่าเขา
ซึ่งปะปนระคนเคล้ากลายเป็นภาพอันวิจิตร
เหินลมอยู่บนท้องฟ้า
เป็นตัวของตัวเอง
ดื่มด่ำในความอิสระเสรีอย่างซาบซึ้ง
นิทัศน์อุทาหรณ์
แสงดาวที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าต้นไม้เล็กๆ ในป่าเขา ลำต้นโตสั้น กิ่งก้านอวบอ้วน ซ้ำยังมีใบดกหนาเป็นสุมทุมพุ่มพฤกษ์ เขียวขจีชวนชมยื่งนัก
ในคืนฤดูร้อน หิ่งห้อยเปล่งแสงวาววับอยู่กลางทุ่งนา สวยระยับจับตาน่าเพลิดเพลินจำเริญใจอย่างที่สุด
แต่ท่านเคยคิดถึงบ้างไหมว่า ต้นไม้เล็กๆ ที่ปลูกอยู่ในกระถางและหิ่งห้อยที่ถูกจับใส่ไว้ในขวดเป็นอย่างไรบ้าง
ต้นไม้เล็กๆ ที่ปลูกอยู่ในกระถาง จะแคระแกร็นอยู่อย่างนั้นตลอดไป เพราะมันไม่มีสิ่งบำรุงเลี้ยงอันพอเพียง ไม่มีอากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ ใบก็จะค่อยๆ เฉาลง กิ่งก็จะค่อยๆ ย้อยลง มันไม่อาจจะเติบโตสูงใหญ่ได้อีกต่อไป มันได้แต่แอบริษยาต้นไทรใหญ่ข้างบ้านที่เติบโตอยู่บนพื้นดิน
ส่วนหิ่งห้อยนั้นเล่า นอกขวดและในขวดเป็นโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่ออยู่นอกขวด หิ่งห้อยก็สวยงามเหมือนแสงดาวที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า แต่เมื่อมันถูกจับเข้าไปกักขังในขวดแล้ว ชั่วเวลาไม่นาน แสงนวลสว่างของมันก็จะจางลงๆ จนกระทั่งสูญหายไปจนหมดสิ้น ยุติชั่วชีวิตหนึ่งของมัน ซึ่งสูญหายไปดุจดังดาวตก ที่สว่างเพียงวาบเดียว
ชีวิตล้วนแต่ต้องการจะหายใจเอาอากาศที่สดชื่นและเสรี
ดอกไม้งามที่ปลูกอยู่ในกระถาง ในปีรุ่งขึ้น ดอกของมันจะไม่สวยสดเหมือนเก่า
นกที่น่ารักเมื่อถูกกักขังอยู่ในกรง เสียงของมันก็จะไม่แจ่มใสเหมือนเดิม แต่กลับจะแตกพร่าไร้เสน่ห์ที่น่ารัก
เพราะเหตุนี้ เราจึงไม่ควรจะถูกสิ่งที่มีรูปหรือไร้รูป พันธนาการจนกระดิกกระเดี้ยไม่ออก โดยมองข้ามสัญชาตญาณตามธรรมชาติไป
ขอให้เราจงสะบัดหลุดพ้นโซ่ตรวนต่างๆ ทั้งมวล จับมือเป็นเพื่อนกับธรรมชาติ เราก็จะมีความปลอดโปร่งโล่งใจ เฉกเช่นนกที่เหินบินอยู่บนท้องฟ้าและต้นไม้ที่เติบโตอย่างอิสระเสรีอยู่กลางทุ่งกว้าง
By หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )
No comments:
Post a Comment