Saturday, June 15, 2013

ความสะพรั่งของฤดูใบไม้ผลิ มิสู้ความสดชื่นในฤดูใบไม้ร่วง




บรรยากาศเรืองรองแห่งฤดูใบไม้ผลิ
บันดาลให้ผู้คนเบิกบานสราญใจ
แต่ไม่สู้เมฆขาวลมเย็นในฤดูใบไม้ร่วง
ซึ่งดอกไม้นานาส่งกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ
ฟ้ากับน้ำเชื่อมกันเป็นหนึ่ง
โปร่งไกลใสสะอาด
ยังความบริสุทธิ์แก่ผู้คนไปทั้งกายใจ

นิทัศน์อุทาหรณ์
ตู้ฝู่ใหลหลง

           วันนั้น มหากวีตู้ฝูมาถึงเจดีย์หวงซื่อที่เมืองเฉิงตู เมื่อได้เห็นสายน้ำไหลเอื่อยเฉื่อย ก็อดไม่ได้ที่จะแต่งบทกวีขึ้นมา

สายน้ำไหลรี่ผ่านเจดีย์ไปตะวันออก
สายลมฤดูใบไม้ผลิลูบไล้รื่นรมย์
ดอกท้อไร้เจ้าของบานสะพรั่ง
ฤๅสีแดงจะสวยงดงามกว่าสีชมพู...

            ตู้ฝู่เดินเล่นอยู่หน้าเจดีย์หวงซื่อ เห็นแม่น้ำไหลไปทางทิศตะวันออก บรรยากาศฤดูใบไม้ผลิอาบเอิบอยู่ในสายลมอ่อนๆ ดอกท้อไร้เจ้าของบานสะพรั่งอยู่บนกิ่งก้าน น่ารักน่าถนอม สวยสะอางไปทุกดอกจนไม่รู้ว่าจะชอบดอกไหนดี สีชมพูดีกว่าหรือสีแดงดีกว่า ?

            ไม่รู้ว่าลมฤดูใบไม้ผลิทำให้คนมึนเมาหรือคนเมามึนไปเอง ? กวีตู้ฝู่ผู้ปรอดโปร่งโล่งใจด้วยลมเย็นพัดโชย สบายไปทั้งกายใจ จนไม่รู้ว่าตนชอบสีอะไรกันแน่ ?

            ฤดูใบไม้ผลิช่างน่าอภิรมณ์จริงๆ แดงม่วงเขียวเหลือง หลากสีหลายพันธุ์ รุ่งเรืองเฟื่องฟู ทำให้จิตใจของคนเราเหมือนลอยอยู่บนก้อนเมฆ



            ส่วนฤดูใบไม้ร่วงนั้นเล่า ลมสะอาด เมฆขาว ดอกหลาน ดอกกุ้ย ล้วนแต่ส่งกลิ่นหอมอบอวล น้ำกับฟ้าเชือมต่อกัน ฟ้าแสนจะสดใสจิตใจของผู้คนก็สดชื่น

            ฤดูใบไม้ร่วงอันเงียบสงัด มิใช่แต่จะทำให้ผู้คนเพลิดเพลินเจริญใจเท่านั้น

            ลองฟังดูสิ ในฤดูใบไม้ร่วง มีเสียงน้ำรินไหลไพเราะ หลั่งเป็นเสียงดนตรีไปตามโขดหิน

            ในยามค่ำคืน อากาศเย็นฉ่ำชื่น หิ่งห้อยจับกลุ่มบินมาเป็นฝูงๆ ช่างสวยงามเสียนี่กระไร

            ดวงดาวก็ดาษอยู่เต็มท้องฟ้า ถ้านอนบนหญ้าแหงนหน้าขึ้นไปมองอาจจะได้เห็นดาวหนุ่มเลี้ยงวัวกับดาวสาวทอผ้ามีความสุขอยู่ด้วยกัน

            ฤดูใบไม้ร่วงช่างมีเสน่ห์รัดรึงตรึงใจอะไรเช่นนั้น !

            ความจริงสี่ฤดูในแต่ละปีล้วนมีลักษณะพิเศษของมันทั้งสิ้น แต่ฤดูใบไม้ร่วง มีสิ่งซึ่งยังความประทับใจแก่ผู้คนเป็นอันมาก

            ในที่นี้ " ภาษิตรากผัก " มีความเห็นว่า

            " ความรุ่งเรืองของฤดูใบไม้ผลิ แม้จะทำให้จิตใจคนเราเบิกบานก็จริง แต่ไม่สู้ฤดูใบไม้ร่วงท่ามกลางเมฆขาวลมเย็น ความฉ่ำชื่นปลอดโปร่ง ทำให้เกิดความทะมัดทะแมงทั้งกายและใจได้ดียิ่ง "




 By หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )

No comments:

Post a Comment