Sunday, February 02, 2014

ใบไม้ร่วงแอบบ่มเพาะหน่ออ่อน พลังชีวิตซ่อนอยู่ในความร่วงโรย




ต้นไม้ใบหญ้าเพิ่งจะร่วงโรย
หน่ออ่อนก็ปรากฏที่รากเหง้า
อากาศแม้จะหนาวเยือก
ก็ยังคืนความอบอุ่นในสายลม
ท่ามกลางความร่วงโรย
พลังชีวิตมักจะดำรงอยู่เป็นสำคัญ
ชีวิตจิตใจของฟ้าดินก็จะเห็นได้จากนี้

นิทัศน์อุทาหรณ์

แผ่นดินแห่งชีวิต

         ทางเล็กๆ ที่อยู่หน้าบ้านหวงซื่อเหนียง พอถึงฤดูใบไม้ผลิดอกไม้ใบหญ้าก็เจิญงอกงามเต็มทั้งสองข้างทาง เห็นแต่ดอกไม้บานเกลื่อนไปหมด เหล่าผีเสื้อพากันมาจับระบำรำฟ้อน นกขมิ้นเหลืองอ่อนร้องเพลงไพเราะอย่างร่าเริง

         อยู่มาวันหนึ่ง ฤดูใบไม้ผลิสิ้นสุดลง ดอกไม้ร่วงโรยไปสิ้น เหลือแต่กลีบเหี่ยวๆ ปลิวว่อนไปตามลม ชวนให้ใจคอสลดหดหู่เป็นอย่างยิ่ง



          ดอกไม้หล่นเกลื่อนอยู่เต็มพื้นดิน มันเศร้าสร้อย อยากจะกลับขึ้นไปสู่กิ่งก้านที่มันเพิ่งจะจากลงมาใจจะขาด แต่มันเป็นได้แต่ความฝันเท่านั้น แม้น้ำตาจะไหลเป็นสายเลือดก็ไม่อาจเป็นไปได้
       
          ครั้นถึงฤดูใบไม้ร่วง หลังจากการเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นหมากรากไม้ก็เหี่ยวเฉา เสื่อมโทรม สีสันเปลี่ยนไป ใบไม้หลุดลอยจนโกร๋นไปทั้งต้นฤดูใบไม้ร่วงช่างน่าชังนัก

          แต่แท้ที่จริงแล้ว ต่อสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เช่นการเจริญงอกงามในฤดูใบไม้ผลิ ความเรืองรองในฤดูร้อน การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง การดูแลรักษาในฤดูหนาว ฟ้าย่อมจะให้ชีวิตอยู่มิได้ขาด เมื่อเกินเลยก็บั่นทอนให้ลดน้อยลงเมื่อถดถอยไปก็ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่

          ด้วยเหตุนี้ เมื่อยามที่้ต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวแห้งอับเฉาไปนั้น ก็เป็นเวลาที่มันได้บ่มเพาะซึ่งหน่อใหม่ๆ อยู่ ในฤดูหนาวซึ่งหิมะปกคลุมทั่วผืนธรณี สรรพสิ่งทั้งปวงหยุดยั้งความเติบโตของมันนั้น ก็เป็นเวลาที่สรรพสิ่งทั้งปวง ซ่อนเร้นไว้ซึ่งการฟื้นชีพขึ้นมาใหม่

          ต้นไม้ใบหญ้ายังสามารถเจริญเติบโตอยู่อย่างไม่ขาดสาย แล้วมนุษย์เราเล่า ?

          แน่นอน ผมหงอกไม่อาจจะกลับให้ดำขึ้นมาอีก แต่หกล้มแล้วเราสามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้ พ่ายแพ้แล้วก็สามารถจะได้รับความสำเร็จใหม่ได้ !

           เฉกเช่นคนไต่เขา เมื่อมีการขึ้นเขาก็ย่อมจะต้องมีการลงเขา ขึ้นเขาย่อมจะยาก ลงเขาก็ยิ่งต้องระวัง อย่าให้พลาดลื่นลงมา

          เมื่อลงจากเขาลูกนี้ได้แล้ว เราก็อาจตระเตรียมที่จะไต่เขาลูกใหม่ที่สูงกว่าเก่าได้ง่ายกว่าที่แล้วมามิใช่หรือ ?





By หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )

No comments:

Post a Comment