Saturday, November 16, 2013

ชนะ แพ้ สวยงาม อัปลักษณ์ คือภาพลวงชั่วเวลาหนึ่ง




ศิลปินต่างผัดหน้าทาแป้ง
ประชันโฉมไม่ลดราวาศอก
เมื่อปิดฉากลง สวยไม่สวยอยู่หนใด ?
เล่นหมากรุกหน้าดำคร่ำเครียด
เอาเป็นเอาตายกันที่ตัวหมาก
เมื่อจบกระดาน แพ้ชนะอยู่แห่งไหน ?

นิทัศน์อุทาหรณ์

บนเวทีและนอกเวที

          ในนวนิยายมีชื่อเสียงเรื่อง " ความฝันในหอแดง " ของจีน มีอยู่ตอนหนึ่งชื่อว่า " ไต้อี้ฝังดอกไม้ " ได้เขียนถึงเรื่องราวของหลินไต้อี้นางเอกของเรื่องทนเห็นกลีบดอกไม้ซึ่งร่วงหล่นอยู่กับพื้นดิน ถูกเหยียบย่ำแหลกลาญไปไม่ไหวจึงขุดหลุม โกยกีบดอกไม้ร่วงเหล่านั้นอย่างทะนุถนอม ใส่ลงหลุมแล้วกลบเสีย

          เรื่องราวในตอนนี้ มีการดัดแปลงเป็นละคร รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรหน้าตาอ่อนโยนชวนสงสาร เมื่อแสดงเป็นตัวหลินไต้อี้ ก็ถึงบทเหมือนหลินไต้อี้มาเกิด

           ก่อนหน้าที่หล่อนจะขึ้นเวทีแสดง หล่อนต้องใช้เวลาแต่งหน้าถึงค่อนวัน ส่องกระจกครั้งแล้วครั้งอีก ตรงนั้นแป้งบางไปหรือเปล่าตรงนี้หนาไปหรือเปล่า หล่อนต้องเพ่งพินิจ จนรู้สึกพอใจจึงจะหยุด เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างตรงตามความต้องการแล้ว หล่อนจึงจะออกแสดง

            อากาศเดือนสามเย็นสบายยิ่งนัก ดอกท้อบานอยู่เต็มต้น ที่ร่วงก็กระจายเกลื่อนอยู่บนพื้น ในวันนั้น หลินไต้อี้แบกจอบเล็กๆ มือถือไม้กวาดเดินมาอยู่ใต้ต้นท้อเพื่อจะฝังกลีบดอกไม้ที่หล่นเกลื่อนอยู่หล่อนกวาดเอากลีบดอกไม้มารวมเข้าเป็นกอง ในขณะที่หล่อนจะขุดหลุมก็ได้ยินเสียงเพลงแว่วมา ที่แท้เป็นเสียงของสาวๆ ในคณะละครกำลังมาฝึกร้องเพลงอยู่ในสวน

           หลินไต้อี้วางจอบในมือลง ตั้งอกตั้งใจฟัง เพลงนั้นมีเนื้อว่า

           ดอกไม้หลากสีหลายพันธุ์

           เบ่งบานแล้วร่วงโรย

           ดุจดังหนึ่งสายน้ำ
 
           ไหลหลั่งไปทางตะวันออก

           ไม่มีวันย้อนกลับมา

           หลินไต้อี้ได้ฟังดังนั้น ก็ย้อนมาคิดถึงตัวเอง แม้ตนเองจะมีรูปโฉมสวยเหมือนดอกท้อแรกแย้ม แต่วันเดือนปีก็จะผ่านเลยไปไม่กลับคืน จึงเกิดความเจ็บปวดร้าวอย่างสุดพรรณนา น้ำตาทะลักไหลลงอาบแก้ม

           ดูสิ อาหลานเดินเซไปเซมาด้วยความระทม คล้ายกับตัวเองเป็นหลินไต้อี้ผู้น่าสงสาร

           " ก็ในเมื่อหลินไต้อี้สวยหยาดเยิ้มถึงปานฉะนี้ ยังหายใจไปกับวันคืนที่ล่วงพ้นไป แล้วฉันอาหลานเล่า ? อีกสักครู่เมื่อการแสดงจบลง ผู้ชมต่างแยกย้ายกันกลับ หลังจากล้างแป้งและสีสันต่างๆ ที่โปะอยู่บนใบหน้าออกแล้ว ฉันอาหลานก็จะไม่ใช่คนสวยอีกต่อไป จะไม่มีอะไรแตกต่างกับแม่เฒ่าซึ่งผิวหนังเหี่ยวย่นเหล่านั้นเล่า ? "

          อาหลานถอนหายใจยาวด้วความรันทด แต่หล่อนก็คิดได้ในทันทีว่า มันไม่ผิดอะไรกับการเล่นหมากรุกเลยสักนิด เมื่อการเล่นยุติลง การแพ้ชนะก็ไม่ดำรงอยู่ต่อไป เมื่อเป็นดังนี้ความสวยงามอัปลักษณ์ของคนเรา ก็เหมือนกัน มิใช่เป็นสิ่งยั่งยืน เหตุไฉนจึงต้องเป็นกังวลจนเกินเหตุด้วย ?

          เมื่อคิดถึงตรงนี้ อาหลานก็ปลงตก ล้างเครื่องแต่งหน้าเพื่อการแสดงออกเสีย กลับสู่โฉมหน้าเดิมของตนเหมือนทุกวันที่ผ่านมา





 By หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )

No comments:

Post a Comment