Sunday, October 12, 2014

เขาขอบคุณอาตมาแล้ว


เขาขอบคุณอาตมาแล้ว

         ดึกสงัด ขโมยคนหนึ่งถือมีดย่องเข้าไปในอาราม ข่มขู่ฌานาจารย์ชีหลี่ ว่า " เอาเงินออกมาเสียดีๆ ไม่อย่างนั้น จะฆ่าเสีย "

         ฌานาจารย์ชีหลี่พูดว่า " อย่ามารบกวนอาตมาทำสมาธิภาวนา เงินอยู่ในลิ้นชัก ไปหยิบเอง ! "

         ขโมยคนนั้นรีบไปค้นที่ลิ้นชัก เก็บเอาเงินไปหมด ขณะที่จะจากไป ฌานาจารย์ชีหลี่ก็พูดว่า " อย่าเอาไปหมดนะ เหลือไว้หน่อย ให้อาตมาซื้อดอกไม้ไหว้พระวันพรุ่งนี้ "

         ขโมยจึงทิ้งเงินเล็กน้อยไว้ในลิ้นชัก พอหันหลังจะจากไป ฌานาจารย์ชีหลี่ ก็พูดอีกว่า " จะไม่ขอบคุณสักคำเลยหรือ ? "

         ขโมยจึงขอบคุณก่อนสาวเท้าจากไป

          หลังจากนั้น ขโมยผู้นี้ได้ก่อคดีขึ้นอีก กระทั่งถูกมือปราบจับตัวไว้ได้ ขโมยให้การว่าเคยปล้นเงินของฌานาจารย์ชีหลี่ ขณะที่มือปราบเรียกตัวฌานาจารย์ชีหลี่ไปให้การชี้ตัวจำเลย ฌานาจารย์ชีหลี่กลับให้การว่า " เขาไม่ใช่ขโมย เขาไม่ได้ปล้นอาตมา อาตมาให้เงินเขาเอง เขาขอบคุณอาตมาแล้ว "



         คำให้การของานาจารย์ชีหลี่ ช่วยให้ขโมยคนนี้ได้ลดหย่อนผ่อนโทษ ขโมยคนนี้เมื่อพ้นโทษ จึงปลงผมออกบวชขอเป็นศิษย์ฌานาจารย์ชีหลี่อย่างซาบซึ้งตื้นตันและยินยอมพร้อมใจ

         เห็นได้ชัดว่า ชีหลี่เป็นฌานาจารย์ที่แท้จริง ท่านมิเพียงละกิเลสบำเพ็ญธรรมเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากสังสารวัฏเท่านั้น ยังชักนำผู้อื่นสู่หนทางหลุดพ้นด้วยจิตใจเมตตาการุณย์ เปี่ยมด้วยปฏิภาณและสติปัญญาอันเฉียบคม

          คนเราถ้าช่วยตัวเองให้อยู่สุขสบายได้แล้ว ควรจะช่วยเหลือผู้อื่นด้วย เพราะการช่วยเหลือผู้อื่นเท่ากับสร้างบุญกุศลแก่ตัวเอง ถึงไม่ได้หวังผลตอบแทนก็ตาม




By เซ็น : วิถีแห่งความสุขที่แท้

No comments:

Post a Comment